กรุงเทพฯ--19 มิ.ย.--IR PLUS
SMT ประกาศปี 62 เดินหน้าเทิร์นอะราวด์ต่อเนื่อง หลังประกาศล้างขาดทุนสะสมหมดทั้งจำนวน พร้อมเร่งสร้างรายได้จากลูกค้าใหม่ที่มีเข้ามาต่อเนื่อง เน้นลดต้นทุนเพื่อเพิ่มกำไร ชูกลยุทธ์ผลิตสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง ทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ มั่นใจยอดขายทั้งปีทำได้ตามเป้าหมาย 2,400 ลบ. หรือเติบโต 40% อวดงบโค้งแรกออกมาสวยมีกำไรสุทธิ 18.09 ลบ. โตจากช่วงเวลาเดียวกับปีก่อน 183%
นายพร้อมพงศ์ ไชยกุล กรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่ด้านซัพพลายเชน บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SMT เปิดเผยว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานช่วงครึ่งแรกปี 2562 คาดจะมีการเติบโตที่ดีกว่าเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน แต่การเติบโตจะโดดเด่นในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากการเจรจากับลูกค้าใหม่อาจต้องใช้ระยะเวลาในการผลิต ทั้งนี้การส่งมอบสินค้าคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4/2562
"ปี 62 นับเป็นปีที่ท้าทายพอสมควร มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และลูกค้ารายใหญ่เข้ามา เชื่อว่าปีนี้ในทุกๆ ไตรมาสจะสามารถทำกำไรได้ตามแผน และหลังจากที่ผู้ถือหุ้นอนุมัติล้างขาดทุนสะสมหมดทั้งจำนวนกว่า 593 ล้านบาท ถือเป็นการปลดล็อคของ SMT และบริษัทใช้กลยุทธ์ผลิตสินค้าที่มาร์จิ้นสูงเป็นหลัก เน้นการกระจายตัวยอดขายของแต่ละธุรกิจและกระจายลูกค้ามากขึ้น เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง ลดความผันผวนของรายได้ สำหรับกลุ่มสินค้า Optics , Box Build , Advance Packaging ยังเป็นไฮไลท์เติบโตต่อเนื่อง ส่วน IC Packaging นั้น อุตสาหกรรมมีการอ่อนตัวลงเนื่องจากลูกค้าลด inventory แต่ก็จะรักษาระดับรายได้ไม่ต่างจากปีที่ผ่านมา" นายพร้อมพงศ์ กล่าว
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯในงวดไตรมาส 1/2562 มีกำไรสุทธิ 18.09 ล้านบาท เติบโต 183% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีผลกำไรสุทธิ 6.39 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการจำนวน 491.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 102.62 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 26.39% โดยส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มยอดขายในสินค้ากลุ่ม Fiber Optics ทั้งนี้ดีมานด์ของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นเป็นไปตามกลยุทธ์ของบริษัทฯที่กำหนดไว้ให้มีการกระจายตัวของกลุ่มผลิตภัณฑ์ และเน้นผลิตสินค้าที่มาร์จิ้นสูงเป็นหลัก โดยมีกำไรขั้นต้นจำนวน 88.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.99 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18.86% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จากการบริหารต้นทุนการผลิตของบริษัทมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการทั้งปี 2562 คาดว่ามีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 2,400 ล้านบาท หรือเติบโต 40% เนื่องจากมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องทั้งลูกค้าเก่าและใหม่ โดยปัจจัยหลักๆ เป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจใหม่ การเดินหน้าขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอเมริกาตอนเหนือ แคนาดา ยุโรป เป็นต้น รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นดี ส่งผลให้บริษัทได้รับคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) จากทั้งลูกค้าเดิมและใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง