กรุงเทพฯ--8 ก.พ.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
เรื่องรักๆ ของวัยรุ่นสมัยนี้ มักพาความรัก ไปฉีกอารมณ์ในทางที่ผิดๆ ไม่ใช่คอนเซ็ปต์ รักสร้างสรรค์ รักที่เป็น ยาชูกำลัง เป็นแรงพลัง ช่วยสูบฉีดร่างกาย ให้ขับเคลื่อนไปสู่แนวทางแห่งความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นการใฝ่เรียน ใฝ่รู้ ช่วยกันทำมาหากิน วันนี้ อาวียองซ์ แบรนด์ความงามระดับพรีเมี่ยม ภายใต้การบริหารของ บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ขอแนะนำแนวคิด และภาพความเชื่อมั่นในรสชาติของความรัก นำไปสู่ความสำเร็จ โดยคู่หวาน คู่ธุรกิจที่ประสพความสำเร็จจากความรัก การบ่มเพาะในครอบครัว ได้ร่วมเผยนิยามความรักนานาทรรศนะ ดังนี้
ปาฎิหารย์มีจริง เมื่อรักและห่วงใย นำสามี ให้กลับมายืนหยัดสู้ชีวิตในโลกใบนี้ แม้จะสิ้นลมหายใจไปถึง 4 ชั่วโมงขณะที่แพทย์พยายามช่วยชีวิต พจมาน บู้หลง นักธุรกิจสาว ที่วันนี้ ต้องเป็นผู้นำครอบครัว เมื่อสามี พ.ต.ท.ทัศน์พล บู้หลง ต้องประสพเคราะห์ ถูกยิง 8 นัด ทุกอวัยวะ ยกเว้นหัวใจ ก่อนที่จะผ่าตัด 5 วินาที โดยเรากระซิบข้างหูว่า พี่ต้องอดทนนะ แล้วจะได้ไปส่งลูกด้วยกัน เปิดเผยว่า “ได้เจอและพบรักตั้งแต่ ปี 2544 เมื่อตนเรียนปี 1 คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขณะนั้นได้ฝึกงานที่รายการวิทยุ ร่วมด้วยช่วยกัน มีคนร้องเรียนเรื่องคดี จึงต้องโทรไปขอคำปรึกษาตำรวจ เปิดฉากรู้จักกัน แบบไม่ดี เพราะตนใจร้อน แล้วไม่รู้เรื่องคดีความ แต่ไปโทษตำรวจว่าไม่ให้ความช่วยเหลือ หลังจากนั้นราว 4 เดือน เค้าติดต่อกลับมาสอบถามเรื่องคดีความ ก็เริ่มได้คุย เริ่มมองและรู้สึกว่า เค้าเป็นคนดี จริงๆ แม้จะไม่ถูกโฉลกกับตำรวจก็ตาม ช่วงแรกที่คบกัน ที่บ้านไม่ปลื้ม เพราะอายุห่างกันถึง 1 รอบ แต่กาลเวลาช่วยพิสูจน์ความมั่นคงและความดี หลังเรียนจบ จึงตัดสินใจแต่งงานกัน เมื่อจบใหม่ๆ ทำงานประจำ และยังเข้าสู่ธุรกิจเครือข่าย อาวียองซ์ เพื่อหารายได้เสริม เมื่อลูกสาวได้ 3 เดือน แม้เราเป็นแม่ที่ไม่ค่อยได้ดูแลลูก แต่สามีก็เข้าใจ และช่วยเหลือทุกอย่าง เราปั๊มน้ำนมทิ้งไว้ สามีก็ดูแลและเลี้ยงลูกให้ ทำงานบ้านแทนเรา จนในเดือนตุลาคม ปีที่ผ่านมา ก็ลาออกจากงานประจำ เพราะต้องบริหารเวลา ทั้งดูแลลูกและสามี เมื่อประสบอุบัติเหตุจาก การทำงาน ทุกวันนี้ เช้าดูแลลูก และไปโรงพยาบาลสายๆ เพราะสามีต้องทำกายภาพบำบัด ร่างกายยังอ่อนแออยู่ จึงต้องอยู่ในความดูแลของหมอ ส่วนช่วงเย็นจึงไปทำงานที่อาวียองซ์ สำหรับตนแล้ว สามีเป็นแรงบันดาลใจ ให้ตนมุมานะ สู่ความสำเร็จ ทุกวันนี้ตนล้มไม่ได้ เพราะต้องดูแลลูกและสามี ขนาดความตาย สามียังเอาชนะ และกลับมาอยู่กับเราได้ ความรักของตน ไม่ใช่ความเสน่หา แต่เป็นความซาบซึ้งในคุณค่าของคนที่ใช้ชีวิตร่วมกับเรา เป็นการให้และความกตัญญู”
แม้ไม่ได้ฟุ้งเฟ้อ ในความมั่งมี แต่ไม่เคยพอเพียงในเรื่องความฝัน ที่มีให้สำหรับครอบครัว มร.เจอร์รี่ หลุย ผู้บริหารสโมสรเจ็ดสิบล้าน ที่ตั้งเป้ารวย 7 ปี 70 ล้าน ก็ทำได้ดั่งใจนึก จากวันแรกที่เข้าร่วมธุรกิจกับอาวียองซ์ จนถึงวันนี้ 7 ปี ได้รับไปเรียบร้อยแล้ว 70 ล้านบาท ที่เผยว่า “สำหรับตนแล้ว ความรัก และความร่มเย็นเป็นสุข ของบ้าน ทำให้มีพลังในการทำงาน มิสเจน หลุย เป็นเบื้องหลังของความสำเร็จที่สุดยอด เป็นทั้งคู่ชีวิต คู่ทุกข์ คู่ยาก คู่คิด เป็นเบื้องหลังที่เพอร์เฟคท์ ทำให้ตนเดินหน้าได้อย่างมั่นคง ไม่ต้องห่วงหน้า พะวงหลัง คิดว่าเค้าเป็นภรรยาที่สุดยอด ที่ช่วยดูแลชีวิตตน ทุกเสี้ยววินาที เป็นภรรยาและแม่ที่มอบความรักแบบไร้ขีดจำกัดให้กับตนและลูกสาวทั้ง 3 ใบเถา สำหรับตนแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เกี่ยวกับรัก ทำด้วยความประณีต และตั้งใจ เนรมิตได้ แม้กระทั่งวันเกิดของลูก ลูกสาวคนโต และคนสุดท้อง เกิดวันเดียวกับพ่อ คือ 21 พฤศจิกายน และมีชื่อพ้องกับตนคือ เจอร์ริก้า และเจอร์ริลีน ได้ฉลองวันคล้ายวันเกิดครั้งใหญ่ด้วยกันทุกปี จริงแล้วเจน ก็เป็นภรรยาที่ตรงกับสุภาษิตของไทย ที่ว่า เป็นช้างเท้าหลัง หากแต่เจน เป็นช้างเท้าหลังที่ มั่นคงมากๆ และพร้อมจะก้าวไปกับตนนั่นเอง”
นงลักษณ์ ธัชสัมฤทธิ์ ผู้ร่วมธุรกิจอาวียองซ์ระดับ Area Executive Business Associate ที่เผยว่า “รักเราไม่เคยเก่าเลย ถึงวันนี้ก็อยู่ด้วยกันมากว่า 42 ปีแล้ว แม้ใช้เวลาสบตากันเพียง 3 เดือน ด้วยเรา เป็นพวกใจนักเลง รู้สึกว่าใช่ ก็ตัดสินใจแต่งงานเลย สามีเปลี่ยนตัวเองเพื่อเรา เพราะไม่ใช่คนมุสลิม ซึ่งเพิ่งทราบในวันสู่ขอ คิดว่าถ้าวันนั้น เค้าไม่ตัดสินใจเปลี่ยนตัวเอง ก็คงไม่ได้แต่งงาน สิ่งนี้ทำให้เราจำไว้เสมอว่า ความรักที่เค้ามี ต้องยิ่งใหญ่มาก เพียงแต่เป็นคนไม่ค่อยพูด เมื่อก่อนเป็นอย่างไร เดี๋ยวนี้เค้าก็เป็นห่วงเราอย่างนั้น เป็นคนดีมาก ที่แม้สายตาภายนอกก็สัมผัสได้ โดยมีรางวัลเกียรติยศเป็นข้อพิสูจน์ คือ ได้รับรางวัล พ่อดีเด่นในปี 2542 ทุกครั้งที่มีปัญหา จะผ่านพ้นไปด้วยดี เมื่อเราหยุดความคิดไม่ดี เมื่อรู้จักการให้อภัย ความรักวัยรุ่นสมัยนี้ อยู่แค่ที่ปลายลิ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่จีรังยั่งยืน สิ่งสำคัญที่ต้องมีคือ การให้อภัย คนสองคนที่มาจากต่างครอบครัว อาจจะมีอะไรขัดแย้งกัน ต้องคิดเรื่องการให้อภัยกันดีกว่า ถ้าคิดจะรักใครสักคน อย่าตั้งเงื่อนไข อย่ามองจุดเสีย ให้มองจุดที่ดี ทุกวันนี้ ยังไปทำงานด้วยกัน เช้าๆ สวดมนต์ ใช้โทรศัพท์ทำงานที่บ้านก่อน และจะเข้าไปพบผู้ร่วมธุรกิจ ประชุมที่อาวียองซ์ช่วงบ่าย สำหรับตนแล้ว ถ้าคิดจะรัก อย่าไปคิดถึงอุปสรรค ขอเพียงเข้าใจและให้อภัย”
กำลังใจ ความเข้าใจ ใครสักคน ที่มาช่วยปลอบขวัญยามทุกข์ แบ่งปันยามสุข จะช่วยนำชีวิตเราสู่ความสงบและความสำเร็จในวันข้างหน้าได้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด โทร 02-434-8300, 02-434-8547
สุจินดา, แสงนภา, ปนัดดา