กรุงเทพฯ--21 มิ.ย.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แนะข้อควรปฏิบัติในการใช้สัญญาณไฟอย่างถูกวิธีและเหมาะสมกับสถานการณ์ ตรวจสอบสัญญาณไฟให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ หากมีการชำรุดให้เปลี่ยนใหม่ทันที รวมถึงเรียนรู้การใช้งานสัญญาณไฟให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า การเปิดใช้สัญญาณไฟ เป็นการสื่อสารให้ผู้ร่วมใช้เส้นทางทราบทิศทางการเดินรถ หากใช้ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ อาจเป็นสาเหตุของการ เกิดอุบัติเหตุทางถนน เพื่อความปลอดภัย กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ขอแนะ ข้อควรปฏิบัติในการใช้สัญญาณไฟอย่างถูกวิธีและเหมาะสมกับสถานการณ์ ดังนี้ ตรวจสอบสัญญาณไฟให้พร้อมใช้งาน สัญญาณไฟทุกดวงต้องสามารถส่องสว่างได้เป็นปกติ หากหลอดไฟชำรุดให้เปลี่ยนใหม่ ไฟหน้าต้องมีแสงสีขาวหรือเหลืองนวล มีกำลังไฟเท่ากันทั้งสองข้าง และปรับให้ส่องทางอยู่ในระดับที่เหมาะสม ไฟเบรกต้องมีสีแดง และสามารถมองเห็นในระยะ ไม่ต่ำกว่า ๓๐ เมตร ไฟกระพริบต้องเป็นสีเหลืองอำพันหรือสีแดงเท่านั้น และโคมแก้วครอบสัญญาณไฟ ควรหมั่น ทำความสะอาดอยู่เสมอ จะช่วยให้แสงไฟส่องสว่างมากยิ่งขึ้นเรียนรู้การใช้สัญญาณไฟ ไฟหน้ามีหน้าที่เพิ่มความส่องสว่าง ทำให้มองเห็นเส้นทางได้ในระยะไกล ไฟถอยหลังมีหน้าที่ส่องสว่างเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง ซึ่งจะช่วยเตือนผู้ร่วมใช้เส้นทาง ให้เพิ่มความระมัดระวัง ไฟสูงมีหน้าที่ช่วยให้มองเห็นเส้นทางได้ชัดเจนมากขึ้น เมื่อขับผ่านเส้นทางที่มืดมาก ไฟเลี้ยว / ไฟฉุกเฉิน มีหน้าที่ช่วยบอกทิศทางการเดินรถ โดนเฉพาะเมื่อเลี้ยวรถ เปลี่ยนช่องทาง แซง หรือกลับรถ ไฟเบรกมีหน้าที่ส่องสว่าง เมื่อเหยียบเบรก จึงช่วยเตือนผู้ที่ขับรถตามหลังมาให้ชะลอความเร็วรถ ไฟตัดหมอกมีหน้าที่ทำให้มองเห็นเส้นทางที่มีทัศนวิสัยไม่ดีได้ชัดเจนขึ้น เนื่องจากส่องสว่างได้ไกลและส่องสว่างต่ำไปตามพื้นถนน ทั้งนี้ การตรวจสอบดูแลรักษาไฟส่องสว่างอยู่เสมอ รวมถึงการเรียนรู้ทักษะและวิธีการใช้งานสัญญาณไฟต่างๆ อย่างถูกต้อง จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง