กรุงเทพฯ--21 มิ.ย.--โรงพยาบาลรามคำแหง
โรคตุ่มน้ำพองเกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติ ทำให้มีการสร้างแอนติบอดีมาทำลายการยึดเกาะของเซลล์ผิวหนัง ผิวหนังจึงหลุดลอกออกจากกันได้ง่าย ร่วมกับปัจจัยทางพันธุกรรม ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม ก็มีส่วนกระตุ้นทำให้เกิดตุ่มน้ำพองที่ผิวหนังและเยื่อบุต่างๆ ไม่ใช่โรคหายาก สามารถเกิดได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง
สังเกตอย่างไรว่าเป็นโรคตุ่มน้ำพอง?
อาการจะเริ่มจากมีผื่นคันมาก่อนที่ผิวหนังแล้วกลายเป็นตุ่มพอง ตุ่มอาจรวมกันเป็นตุ่มใหญ่ หรือแตกเป็นแผลทำให้เกิดอาการปวดแสบมาก โดยแผลถลอกอาจปกคลุมด้วยสะเก็ดน้ำเหลือง ในระยะนี้หากมีการติดเชื้อ อาจทำให้แผลลุกลามและควบคุมได้ยาก โดยผู้ป่วยแต่ละคนจะมีความรุนแรงของโรคแตกต่างกัน โดยวินิจฉัยได้จากประวัติและอาการทางผิวหนัง ร่วมกับการตรวจชิ้นเนื้อทางพยาธิวิทยา
รักษาหายได้จริงหรือ?
ถ้าเป็นไม่รุนแรงรักษาโดยการทายาสเตียรอยด์รับประทานยาปรับภูมิคุ้มกัน หรือถ้าเป็นรุนแรงอาจจะให้ยาสเตียรอยด์หรือยากดภูมิแบบรับประทาน เพื่อลดการอักเสบ ลดการเกิดตุ่มน้ำใหม่และเร่งการสมานแผลให้เร็วที่สุด แล้วค่อยๆ ปรับลดยาลงช้าๆ โดยใช้ยาที่น้อยที่สุดที่จะควบคุมโรคได้บางคนอาจเข้าสู่ระยะโรคสงบหลังรักษา 3 - 5 ปีโดยอาจมีอาการกำเริบและสงบสลับกันไป และในบางคนอาจต้องได้รับการรักษาต่อเนื่องเป็นเวลานาน
โรคนี้พบได้ไม่บ่อยแต่จัดเป็นโรคผิวหนังที่มีความรุนแรง สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกวัย ผู้ที่เป็นโรคนี้มักมีอายุเฉลี่ยที่50-60ปีไม่ใช่โรคติดต่อสามารถสัมผัสอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยและรักษาให้หายได้ ผู้ป่วยต้องมารับการรักษาต่อเนื่องตามแพทย์นัด ไม่ลดหรือเพิ่มยาเอง การรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตได้เป็นปกติและไม่มีรอยโรคใหม่เกิดเพิ่มขึ้น
หากใครสงสัยว่า มีอาการเข้าข่ายโรคตุ่มน้ำพองใส แนะนำให้พบแพทย์ผิวหนัง เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง และลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรค