กรุงเทพฯ--25 มิ.ย.--สำนักงาน กปร.
สำนักงาน กปร. ได้จัดโครงการค่ายเยาวชนรู้งานสืบสานพระราชดำริ หรือ RDPB Camp มาอย่างต่อเนื่องจวบจนปัจจุบัน โดยในปี ๒๕๖๒ จัดขึ้นเป็นรุ่นที่ ๙ ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเพชรบุรี เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ ได้มีโอกาสศึกษา เรียนรู้ หลักการทรงงาน แนวพระราชดำริ พระราชกรณียกิจการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ผ่านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่มีกว่า ๔,๖๐๐ โครงการ ซึ่งเป็นการขยายผลการเรียนรู้ไปสู่เพื่อนเยาวชน สถาบันการศึกษา ชุมชน ให้มีความรู้
ความเข้าใจ และเป็นพลังที่จะได้ร่วมกันสืบสานพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษา ต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และแนวพระราชดำริในการพัฒนาด้านต่าง ๆ ของพระบาทสมเด็จ
พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ให้บังเกิดความยั่งยืน และเพื่อให้เยาวชนจากสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามาเรียนรู้แนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่ได้พระราชทานความช่วยเหลือผ่านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยผ่านกระบวนการเรียนรู้แบบผสมผสานทั้งภาคทฤษฎีและการปฏิบัติจากพื้นที่จริงในพื้นที่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ รวมถึงกิจกรรมการถอดบทเรียน ด้วยการนำเสนอสิ่งที่ได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมที่สร้างสรรค์
ในระหว่างการเข้าค่ายเยาวชนจะได้รับฟังการบรรยายพิเศษ "สำนักงาน กปร. กับการสนองพระราชดำริ" "สถาบันพระมหากษัตริย์กับประเทศไทย" โดยจิตอาสา ๙๐๔ ไปจนถึงการใช้ Social media ในทางที่ดีและถูกต้อง พร้อมเยี่ยมชมผลการดำเนินงานของศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายฯ ได้แก่ แปลงผักพื้นบ้าน แปลงหญ้าแฝกดินดาน แปลงทฤษฎี ๕ ไร่ และลงมือปฏิบัติในฐานการเรียนรู้การทำน้ำหมักชีวภาพ การเพาะหญ้าแฝก การเพาะเห็ด เป็นต้น
นางสาวพีรภัทร รัศมี นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ กล่าวว่า ทางอาจารย์และรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยแนะนำมาบอกว่าค่ายนี้ดีมากสามารถเรียนรู้แล้วนำไปปรับใช้กับชีวิตได้มากมาย เมื่อมาแล้วก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับแนวทางการใช้ชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งสามารถนำไปปฏิบัติใช้พร้อมทั้งแนะนำให้กับชุมชนที่บ้านได้ เช่น การประกอบอาชีพที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะเรื่องของป่าไม้
"ปัจจุบันป่าไม้เริ่มลดน้อยลงจนเกิดปัญหาสัตว์ป่าเข้ามาหากินพืชผลทางการเกษตรของชาวชุมชนจนเกิดความเสียหาย ชาวชุมชนก็ทำร้ายสัตว์ป่าเหล่านั้นกลับ มันเป็นวงจรความเสียหายที่ได้เกิดขึ้นแล้วในปัจจุบัน จึงเห็นว่าควรแก้ไขโดยเริ่มจากเราก่อนคือ การยึดแนวเศรษฐกิจพอเพียงทำกินโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม" นางสาวพีรภัทร รัศมี กล่าว
ด้านนางสาวนิภา ชนะพจน์ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี กล่าวว่า การได้เข้าค่ายในครั้งนี้รู้สึกคุ้มค่ามากเพราะบางอย่างที่ไม่เคยรู้ก็ได้รู้ เช่น ได้รู้แนวทางในการดำเนินงานในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ได้เรียนรู้แนวทางการดำเนินงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ มากขึ้น
"ที่ผ่านมาหนูเป็นคนที่ไม่ค่อยสัมพันธ์กับใคร ไม่ออกไปไหน ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรภายนอกและไม่สนใจ ก็ได้วิดีทัศน์การสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ซึ่งช่วงนั้นมีการนำเรื่องการทรงงานของพระองค์ที่ทรงช่วยเหลือประเทศชาติและคนไทยให้มีความอยู่ดีกินดี มีอาชีพเยอะมาก ก็ทำให้คิดว่าพระองค์ทรงเหนื่อยมามาก แต่เรายังนิ่งอยู่ ไม่ทำอะไรเลยไม่สนใจอะไรเลย ก็ทำให้คิดว่าเราจะทำตัวอย่างนี้ไม่ได้แล้ว ต้องทดแทนพระคุณพระองค์ ต้องทดแทนแผ่นดิน จึงออกมาร่วมกิจกรรมกับเพื่อนๆ โดยสมัครมาเข้าค่ายในครั้งนี้ เพื่อเรียนรู้เรื่องราวและแนวทางการทรงงานของพระองค์ให้มากขึ้น จะนำไปปฏิบัติใช้ในชีวิตของตนเองและบอกต่อให้กับผู้อื่นได้นำไปใช้ด้วยต่อไป" นางสาวนิภา ชนะพจน์ กล่าว
ด้านนายมานพ สุขสำราญ เกษตรกรตัวอย่างที่ได้รับการขยายผลจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทราย
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.เพชรบุรี กล่าวว่า คำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ถ้านำมาปฏิบัติจะเห็นผล อย่างความพอเพียง ขายผลผลิตได้ ๑๐๐ บาท ก็ใช้เพียง ๗๐ บาทพอ ที่เหลือเก็บไว้เป็นทุน ทำทุกวันก็จะมีเหลือเก็บทุกวัน เมื่อต้องลงทุนก็ไม่ลงทุนมากกว่าที่เก็บไว้ ชีวิตก็จะไม่มีหนี้สิน
"ดีใจมากที่มีเด็ก ๆ เยาวชนเดินทางเข้ามาเรียนรู้ เขามาลงมือปฏิบัติกันอย่างจริงจัง ปลูกพืช เรียนรู้เรื่องพืชสมุนไพร ได้รู้ว่าต้นพริก ต้นกระเทียม ที่กินกันทุกวันนั้นปลูกกันอย่างไร ดินต้องเป็นดินแบบไหน ได้เรียนรู้การตัดแต่งกิ่งมะนาวเพื่อให้ออกลูกมาก ๆ เมื่อเยาวชนเหล่านี้กลับไปก็จะสามารถนำความรู้ที่ได้รับการถ่ายทอดและลงมือปฏิบัติไปทำในพื้นที่ของตนเอง หรือไปบอกคนอื่น ๆ ก็จะเป็นผลดีต่อตัวเขาและชุมชนด้วย ที่สำคัญเขาได้รับรู้ว่าการน้อมนำแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ ๙ มาปฏิบัติใช้ชีวิตก็จะมีแต่ความสุขตามที่เขาได้มาเห็นตัวอย่าง" นายมานพ สุขสำราญ กล่าว
นอกจากนี้ เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการค่ายเยาวชนฯ ยังได้ร่วมกิจกรรมสันทนาการ ที่ก่อให้เกิดการมีส่วนร่วม ความรู้รักสามัคคี และการเกื้อกูลซึ่งกันและกันในการปฏิบัติงานแบบเป็นทีม อีกทั้งร่วมกิจกรรม"จิตอาสาตามแนวพระราชดำริ" และเหนืออื่นใดกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่เหล่านี้ ได้มีโอกาสร่วมน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ
ในหลวงรัชกาลที่ ๙ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสานต่อแนวพระราชดำริ ให้สามารถขยายผลไปสู่วงกว้างและยั่งยืนสืบไป