กรุงเทพฯ--27 มิ.ย.--พลัส พร็อพเพอร์ตี้
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เผยผลสำรวจคอนโดมิเนียมทำเลสุขุมวิทตอนกลาง พร้อมพงษ์ – ทองหล่อ – เอกมัย – พระโขนง – อ่อนนุช โดดเด่น จากเดิมที่ดีมานด์กระจุกตัวในโซนสุขุมวิทตอนต้นและ CBD จากความเจริญที่ขยายออกไปสุขุมวิทตอนกลางมากขึ้น พบโครงการเปิดใหม่เจาะทำเลในซอยที่ไม่ไกลรถไฟฟ้าและสามารถเดินทางเชื่อมต่อได้สะดวกที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยจริง ขณะที่ตลาดปล่อยเช่าเติบโตเนื่องจากการ ตอบโจทย์ทั้งชาวไทยและต่างชาติ เหตุยังมีโครงการที่ราคาจับต้องได้ ล่าสุดปี 2561 พบอัตราผลตอบแทนการปล่อยเช่ายังค่อนข้างสูง ทำเลสุขุมวิท 63 – 71 นำทีมผลตอบแทนสูงสุดถึง 7% ตามด้วย ทองหล่อ - พระโขนง และอ่อนนุช ที่มีผลตอบแทนเฉลี่ยกว่า 6%
นางสาวสุวรรณี มหณรงค์ชัย รองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนากลยุทธ์และบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า จากการสำรวจของฝ่ายวิจัยและพัฒนา พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พบว่าคอนโดมิเนียมโซนสุขุมวิทตอนกลาง (พร้อมพงษ์ – ทองหล่อ – เอกมัย – พระโขนง – อ่อนนุช) เริ่มกลับมาได้รับความสนใจมากขึ้น โดยครึ่งหลังปี 2561 มีโครงการเปิดใหม่ในโซนนี้ 19 โครงการ คิดเป็น 5,796 ยูนิต โดยยูนิตที่เปิดใหม่นี้เป็นโครงการในกลุ่มราคา 250,000 – 400,000 บาท/ตารางเมตร ราว 47% และโครงการในกลุ่มราคา 150,000 – 250,000 บาท/ตารางเมตร จำนวน 44% โดยพบว่าโครงการที่เปิดใหม่นี้กว่า 55% เป็นโครงการที่ไม่อยู่ติดรถไฟฟ้าแต่ยังคงมีดีมานด์อย่างต่อเนื่อง
บริเวณสุขุมวิทตอนกลางนี้ โซนทองหล่อ – พระโขนง เป็นย่านที่มีโครงการไฮเอนด์มากที่สุด โดยเฉพาะในรัศมีรถไฟฟ้าสถานีทองหล่อและเอกมัย พบว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีโครงการเปิดใหม่ทุกปีโดยเฉพาะในปี 2561 ถือเป็นปีที่มีโครงการเปิดใหม่มากที่สุดในรอบ 3 ปี มีทั้งหมด 4 โครงการ รวม 979 ยูนิต โดยเฉลี่ยแล้วโครงการกลุ่มไฮเอนด์ขายได้เร็วกว่าโครงการในกลุ่มอื่น โดยในปี 2561 ขายได้ 13 ยูนิตต่อเดือนต่อโครงการ ขณะที่ภาพรวมโครงการทุกระดับมีอัตราขายได้เฉลี่ยที่ 10 ยูนิตต่อเดือนต่อโครงการ แสดงให้เห็นว่าทำเลนี้มีความต้องการโครงการไฮเอนด์และลักซ์ชัวรี่ที่ดี โดยราคาเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ในครึ่งหลังปี 2561 มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 244,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งต่ำกว่าราคาเฉลี่ยของโครงการทั้งหมดที่มีขายในตลาดประมาณ 15-25% เนื่องจากโครงการเปิดใหม่ในปีหลังๆ ไม่ได้อยู่ในซอยทองหล่อ แต่อยู่ในซอยใกล้เคียงจึงมีราคาต่ำกว่า ส่วนตลาดเช่านั้นพบว่าปี 2561 ทำเลทองหล่อ – พระโขนง มีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยเกือบ 6%
อย่างไรก็ตามในปี 2562 พบโครงการเปิดใหม่ในซอยสุขุมวิท 61 ซึ่งความน่าสนใจของซอยนี้คือความเป็นส่วนตัวและความสะดวกในการเดินทาง เนื่องจากเป็นซอยตันทำให้ไม่พลุกพล่าน และมีคอมมูนิตี้มอลล์อย่างพาร์คเลนที่สามารถใช้เป็นทางผ่านเชื่อมไปออกเอกมัยได้ จึงให้ความเป็นส่วนตัวและเหมาะสำหรับอยู่อาศัยจริง
ทำเลถัดมาคือสุขุมวิท 63 – 71 เป็นโซนที่โครงการในระดับราคา 80,000 – 150,000 บาท/ตร.ม. ขายได้ดีสุด โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาอัตราการขายโครงการในกลุ่มนี้สูงกว่าอัตราการขายเฉลี่ยรวมในพื้นที่ เนื่องจากไม่มีโครงการเปิดใหม่และโครงเก่าขายได้เกือบทั้งหมด เฉลี่ยอยู่ที่ 95% มีเพียงแค่ 10 ยูนิตที่เหลือขายในครึ่งหลังปี 2561 โดยคอนโดมิเนียมในระดับราคานี้ทั้งหมดเป็นโครงการ Low rise โดยในปี 2561 โครงการที่เปิดใหม่มีราคาเฉลี่ย 128,000 บาท/ตารางเมตร โดยทำเลนี้มีอัตราผลตอบแทนการเช่าเฉลี่ยราว 7% สำหรับโครงการเปิดใหม่ในปี 2562 พบว่าเป็นโครงการที่ไม่ติดรถไฟฟ้าแต่เน้นความเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะในทำเลสุขุมวิท 71 ที่มีความโดดเด่นด้านการเดินทางที่สามารถเชื่อมต่อทะลุไปยังทองหล่อและเอกมัยได้โดยตรง
อีกหนึ่งทำเลที่น่าสนใจและมีโครงการเปิดใหม่ในปีนี้คืออ่อนนุช ซึ่งถือเป็นทำเลที่สามารถเดินทางไปทองหล่อและเอกมัยได้สะดวก สามารถเดินทางไป Bangkok Mall ที่กำลังก่อสร้างอยู่บริเวณแยกบางนาที่จะแล้วเสร็จในปี 2563 อีกทั้งยังเป็นทำเลที่มีห้างสรรพสินค้าและแหล่งแฮงเอาท์ตอบโจทย์การใช้ชีวิตครบถ้วน อย่างไรก็ตามคอนโดมิเนียมทำเลอ่อนนุชยังถือว่ามีราคาไม่แพงมากเมื่อเทียบกับทองหล่อหรือพระโขนง อีกทั้งยังอยู่ห่างจากทองหล่อและพระโขนงเพียงไม่กี่สถานี เหตุนี้เองจึงทำให้ทำเลอ่อนนุชได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้เช่าต่างชาติเพราะมีราคาที่เข้าถึงง่ายและไม่ไกลจากศูนย์กลางธุรกิจ โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาโครงการเปิดใหม่ในโซนรอบสถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุชมีไม่มาก ซึ่งในครึ่งหลังปี 2561 พบว่าโครงการในกลุ่มราคา 80,000 – 150,000 บาท/ตร.ม. มีจำนวนยูนิตเหลือขายเพียงแค่ 48 ยูนิตเท่านั้น โดยเป็นโครงการ Low rise ที่ให้ความเป็นส่วนตัวและราคาไม่สูงนัก และมีอัตราการขายสูงถึง 92% แสดงให้เห็นว่าเป็นโครงการกลุ่มที่มีดีมานด์สูง
"ทำเลสุขุมวิทตอนกลางกำลังมาแรงและมีความน่าสนใจไม่แพ้โซนสุขุมวิทตอนต้น เพราะความเจริญและสิ่งอำนวยความสะดวกเริ่มมีการขยายออกไปมากขึ้นดีมานด์จึงกระจายตัว สามารถตอบโจทย์ทั้งการเลือกซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองหรือเพื่อการลงทุน โดยมีอัตราผลตอบแทนในระดับ 6-7% อีกทั้งมีรูปแบบโครงการให้เลือกหลากหลาย โดยเฉพาะโครงการที่ขยับเข้าไปอยู่ในซอย แต่สามารถเดินมายังสถานีรถไฟฟ้าสะดวกและมีราคาเริ่มต้นที่จับต้องได้ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ" นางสาวสุวรรณี กล่าว