กรุงเทพฯ--27 มิ.ย.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
ฟิทช์ เรทติ้งส์ กล่าวว่า แผนของบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. (มีอันดับเครดิตสากลระยะยาวที่ BBB+ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) ในการเข้าซื้อกิจการบริษัท พาร์เท็กซ์ โฮลดิ้ง บี.วี. (Partex Holding B.V.) และการประกาศการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย หรือ FID ในการพัฒนาโครงการก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในประเทศโมซัมบิก อย่างเป็นทางการ จะช่วยเพิ่มสถานะปริมาณสำรองและการผลิตปิโตรเลียมของบริษัทฯ ฟิทช์คาดว่า ปตท.สผ. จะยังคงมองหาการลงทุนในโครงการน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอื่นๆ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ
ปตท.สผ. มีแนวโน้มที่จะใช้เงินลงทุนประมาณ 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับเตรียมการผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวในโครงการโมซัมบิก แอเรีย วัน ซึ่งจะเริ่มดำเนินการผลิตในปี 2567 และใช้เงินลงทุนประมาณ 622 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดในบริษัท พาร์เท็กซ์ ในปี 2562 รวมถึงเงินลงทุนจำนวน 2.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการเข้าซื้อกิจการเมอร์ฟี่ ออยล์ฯ ในประเทศมาเลเซียในปีนี้ด้วย
อันดับเครดิตโดยลำพัง (Standalone Credit Profile) ของ ปตท.สผ.ที่ 'bbb' สะท้อนถึงปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่อยู่ใรระดับต่ำแต่น่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่ฟิทช์จัดอันดับเครดิตในกลุ่ม 'BBB' ปตท.สผ. มีปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่พิสูจน์แล้ว อยู่ที่ 677 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ณ สิ้นปี 2561 เปรียบเทียบกับปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่พิสูจน์แล้วที่มากกว่า 1,000 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ของบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่ฟิทช์จัดอันดับเครดิตในกลุ่ม 'BBB' ฟิทช์ประมาณการว่าปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่พิสูจน์แล้วของบริษัทฯ จะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 900 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ เมื่อรวมปริมาณสำรองปิโตรเลียมของโครงการโมซัมบิก และการเข้าซื้อกิจการเมอร์ฟี่ ออยล์ฯ และ พาร์เท็กซ์ ปตท.สผ. คาดว่าโครงการก๊าซธรรมชาติเหลว โมซัมบิก จะช่วยเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่พิสูจน์แล้ว ตามสัดส่วนการลงทุน ประมาณ 140 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบให้กับบริษัทฯ
ปตท.สผ. ถือหุ้นในโครงการก๊าซธรรมชาติเหลว โมซัมบิก ในสัดส่วนร้อยละ 8.5 ซึ่งได้ประกาศการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยในระยะแรก จะมีกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวรวม 12.88 ล้านตันต่อปี โครงการโมซัมบิก มีศักยภาพที่จะเป็นแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ด้วยปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติที่คาดว่าจะผลิตได้ มากกว่า 75 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต โดยมีแผนที่จะเริ่มการผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวได้ในปี 2567 นอกจากนี้เมื่อโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จ จะช่วยเพิ่มการกระจายการดำเนินธุรกิจและแหล่งที่มาของรายได้ของบริษัทฯ เนื่องจาก ปัจจุบัน ปตท.สผ. มีรายได้จากการผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวอยู่น้อย
ปตท.สผ. ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น (Share Purchase Agreement) ทั้งหมดของพาร์เท็กซ์ ซึ่งคาดว่าการซื้อขายจะเสร็จสิ้นภายในปีนี้ การลงทุนในพาร์เท็กซ์ จะช่วยเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่พิสูจน์แล้วและปริมาณสำรองที่คาดว่าจะพบ (Proved and Probable Reserves) ขึ้นอีกประมาณ 65 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ตามสัดส่วนการลงทุน (ปัจจุบัน ปตท.สผ. มีปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่พิสูจน์แล้วและปริมาณสำรองที่คาดว่าจะพบมากกว่า 1,000 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ) และเพิ่มปริมาณการผลิตปิโตรเลียมของ ปตท.สผ. ขึ้นอีกประมาณ 16,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จากปริมาณการผลิตปิโตรเลียมประมาณ 359,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในปี 2561 พาร์เท็กซ์มีการลงทุนร่วมแบบ Non-Operating ในแปลงสัมปทานน้ำมันในภูมิภาคตะวันออกกลาง
อันดับเครดิตของ ปตท.สผ. อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตของบริษัทแม่ ซึ่งได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. ซึ่งมีอันดับเครดิตสากลระยะยาวที่ 'BBB+' แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ สะท้อนถึงความสัมพันธ์ในด้านการดำเนินงาน และด้านกลยุทธ์ที่อยู่ในระดับแข็งแกร่งระหว่างบริษัททั้งสอง อันดับเครดิตโดยลำพังของ ปตท.สผ. อยู่ที่ระดับ 'bbb' สะท้อนถึงปริมาณการผลิตที่อยู่ในระดับปานกลาง ปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่อยู่ในระดับต่ำแต่น่าจะปรับตัวดีขึ้นในอนาคต และฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ฟิทช์คาดว่า ปตท.สผ.จะใช้เงินลงทุนประมาณ 1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วง 5 ปีข้างหน้า ซึ่งได้รวมการลงทุนพัฒนาโครงการโมซัมบิค และการเข้าซื้อกิจการพาร์เท็กซ์ อย่างไรก็ตาม ฟิทช์คาดว่าบริษัทน่าจะสามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินให้อยู่ในระดับต่ำ โดย ณ สิ้นปี 2561 บริษัทมีเงินสดมากกว่าหนี้สิน และฟิทช์มองว่าฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งยังทำให้บริษัทมีความสามารถในการรองรับการลงทุนที่สูงได้โดยไม่มีผลกระทบต่ออันดับเครดิต