กรุงเทพฯ--27 มิ.ย.--เวิรฟ พับบลิค รีเลชั่นส์ คอนซัลแตนท์ซี
ประเทศจีนและประเทศญี่ปุ่นถือเป็นประเทศแรกๆ ในทวีปเอเชียที่มีการริเริ่มทำธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม โดยน้อยคนนักที่จะรู้ว่าบริษัทพลังงานสัญชาติไทยอย่าง "บ้านปูฯ" คือหนึ่งในบริษัทชั้นนำที่เข้าไปลงทุนพัฒนาธุรกิจโซลาร์ฟาร์มอย่างเต็มตัวทั้งในประเทศจีน และประเทศญี่ปุ่นมานานกว่า 5 ปีแล้ว และเพื่อเป็นการสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของบ้านปูฯ ที่มุ่งเน้นการขยายธุรกิจพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับ กลยุทธ์ Greener & Smarter และพร้อมผลักดันธุรกิจการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ "บ้านปูฯ" จึงได้นำประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญจากการทำธุรกิจโซลาร์ฟาร์มในต่างประเทศมาพัฒนาต่อยอดสู่ธุรกิจโซลาร์ โซลูชันในประเทศไทย ผ่าน "กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานของบ้านปูฯ" เพื่อเป็นทางเลือกพลังงานสะอาดให้กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่างๆ ร่วมกันสนับสนุนให้สังคมไทยก้าวสู่การเป็นสมาร์ทซิตี้ ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0
พลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานทดแทนอันดับต้นๆ ที่หลายประเทศทั่วโลกให้ความสนใจ และตื่นตัวในการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่เสมอ จากรายงาน Global Market Outlook For Solar Power / ปี 2561 – 2565 จัดทำโดย SolarPower Europe พบว่า ภาพรวมการเติบโตของพลังงานหมุนเวียนในช่วงปี 2550-2560 มีสัดส่วนการผลิตเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า โดยในปี 2560 สัดส่วนการผลิตของพลังงานหมุนเวียนคิดเป็น 12.1% ของพลังงานรวมทั้งหมด ซึ่งพลังงานแสงอาทิตย์เป็นกลุ่มพลังงานที่มีการขยายตัวอย่างโดดเด่น และมีสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าสุทธิมากที่สุด (แบ่งตามเทคโนโลยีพลังงาน) โดยมีกำลังการผลิตสุทธิอยู่ที่ 98 กิกะวัตต์ จาก จำนวนของแหล่งพลังงานทุกชนิด 260 กิกะวัตต์
ธุรกิจโซลาร์ฟาร์มในประเทศจีน และประเทศญี่ปุ่น
จากรายงาน Global Market Outlook For Solar Power / ปี 2561 – 2565 พบว่าในปี 2560 ภูมิภาค เอเชีย-แปซิฟิค ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดพลังงานแสงอาทิตย์ โดยหลังจากที่ได้เพิ่มกำลังผลิตขึ้นอีก 73.7 กิกะวัตต์ ทำให้กำลังการผลิตของภูมิภาคนี้ที่ดำเนินการติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้วได้เพิ่มขึ้นเป็น 221.3 กิกะวัตต์ หรือมีสัดส่วนเท่ากับ 55% ของกำลังการผลิตทั้งหมดในตลาดโลก โดยเฉพาะประเทศจีนที่มีกำลังการผลิต ไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์มากถึงหนึ่งในสามของกำลังการผลิตทั้งโลก
"บ้านปูฯ" ผู้นำธุรกิจด้านพลังงานแบบครบวงจรแห่งเอเชีย-แปซิฟิก เล็งเห็นถึงศักยภาพในการเติบโต ของธุรกิจโซลาร์ฟาร์มในทวีปเอเชีย จึงได้ริเริ่มธุรกิจดังกล่าวในประเทศจีน และประเทศญี่ปุ่น มาตั้งแต่ปี 2557 โดยในประเทศจีน บ้านปูฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์รวมกว่า 152 เมกะวัตต์จากโซลาร์ฟาร์มจำนวน 6 แห่ง และในประเทศญี่ปุ่น มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์รวมกว่า 233 เมกะวัตต์ จากโซลาร์ฟาร์มจำนวน 13 แห่ง โดยมีกำลังการผลิตที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว จำนวน 37 เมกะวัตต์ ซึ่งการบริหารจัดการโซลาร์ฟาร์มในแต่ละแห่งนั้น ต้องใช้ทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในการออกแบบ และวางแผนระบบฯ ให้เหมาะกับพื้นที่นั้นๆ และที่สำคัญ คือ การใช้เทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการเพื่อให้ การผลิตไฟฟ้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ดึง "ประสบการณ์-ความเชี่ยวชาญ" สู่การพัฒนาธุรกิจโซลาร์ โซลูชันในไทย
เพื่อเป็นการสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของบ้านปูฯ ที่มุ่งเน้นการขยายธุรกิจพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับกลยุทธ์ Greener & Smarter และพร้อมผลักดันธุรกิจการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ "บ้านปูฯ" จึงได้ริเริ่มธุรกิจภายใต้ชื่อ "กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานของบ้านปูฯ" ในปี 2560 เพื่อให้บริการด้านการวางระบบ ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ และสมาร์ทซิตี้โซลูชันแบบครบวงจร
จุดแข็งของทีมงานกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานของบ้านปูฯ คือการนำความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการ ธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์บนพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ รวมถึงนำเทคโนโลยีต่างๆ จากการทำธุรกิจโซลาร์ฟาร์มในประเทศจีน และประเทศญี่ปุ่นมาพัฒนาต่อยอดสู่ธุรกิจโซลาร์ โซลูชันในประเทศไทยเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่างๆ ผ่านการนำเสนอนวัตกรรมพลังงานสะอาดในราคาที่เหมาะสม มีความเสถียร และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในรูปแบบที่ทันสมัย สามารถตอบโจทย์ความต้องการการใช้พลังงานทดแทนที่แตกต่างกันของลูกค้าในแต่ละอุตสาหกรรม จนปัจจุบันได้รับความไว้วางใจจากพันธมิตรที่หลากหลายครอบคลุมทุกภาคธุรกิจ และอุตสาหกรรม ทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล โรงงาน โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ตลาด และสถานีบริการน้ำมัน เป็นต้น
สำหรับผู้ประกอบการ หรือเจ้าของธุรกิจที่สนใจติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และสมาร์ทซิตี้โซลูชันสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.banpuinfinergy.co.th หรือ ติดต่อลูกค้าสัมพันธ์ โทร.02-095-6599 หรือ contact@banpuinfinergy.co.th