กรุงเทพฯ--28 มิ.ย.--กรมส่งเสริมสหกรณ์
กรมส่งเสริมสหกรณ์ ขานรับ นโยบายอุตสาหกรรมเกษตรชุมชน เตรียมดัน 1 อำเภอ 1 สหกรณ์การเกษตร หนุนสหกรณ์ที่มีมูลค่าธุรกิจปีละ 3 แสนล้าน วางเป้าหลักยกระดับราคาพืชเศรษฐกิจ ข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน หวังเพิ่มเงินใส่มือเกษตรกร
นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่าได้เรียกประชุมผู้บริหารระดับสูงของกรมเพื่อเตรียมแผนงาน โครงการของกรมเสนอต่อรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐบาลใหม่ ซึ่งเป็นงานที่จะสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและงานตามนโยบายของกรม นำไปสู่การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเกษตรระดับชุมชน ตามโจทย์ที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้นโยบายไว้เมื่อปลายเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งสหกรณ์การเกษตรมูลค่าทางธุรกิจปี 2561 ประมาณ 341,973 ล้านบาท อย่างไรก็เมื่อต้นปี 62 กรมได้มีความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น เช่น สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) และสถาบันอาหาร ในการพัฒนาต่อยอดมูลค่าสินค้าเกษตรแต่ละตัวของสหกรณ์ เพิ่มรายได้ให้กับสมาชิกสหกรณ์ อาทิ ข้าว กาแฟ นม ผลไม้ โดยบางตัวสามารถพัฒนาเป็นอุตสาหกรรมได้
"จากนโยบายของรองนายกฯสมคิด ที่วางเป้าชัดว่า จะเดินหน้าเรื่องอุตสาหกรรมเกษตรชุมชน กรมได้เตรียมทำรายละเอียดและภารกิจของกรมเสนอ โดยงานสำคัญที่กรมจะเดินหน้าคือโครงการ 1 อำเภอ 1 สหกรณ์การเกษตร ซึ่งเป้าหมายคือทำให้สหกรณ์การเกษตรที่มีความเข้มแข็งในแต่ละอำเภอ ทำหน้าที่เป็นเสมือนพี่เลี้ยงคอยแนะนำ และเชื่อมโยงการผลิตตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ถึงปลายทาง คือตลาดเพื่อรองรับการผลิต และอีกขาคือการทำธุรกิจรวบรวมสินค้าเกษตร เพื่อพัฒนาและแปรรูป ยกระดับราคาสินค้าเกษตร สินค้าหลักที่ผมวางไว้คือ ในพืชเศรษฐกิจหลัก เช่น ข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ที่เกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก และเป็นพืชสำคัญที่สร้างรายได้เข้าประเทศ" นายพิเชษฐ์กล่าว
นอกจากนั้น กรมจะเสนอให้สหกรณ์การเกษตร เข้าไปมีส่วนร่วมขับเคลื่อนโครงการเกษตรแปลงใหญ่ รวมถึงโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกรโดยการเพิ่มรายได้ครัวเรือนสมาชิก ทำให้สามารถชำระหนี้สะสมของครัวเรือนได้ เป็นต้น ซึ่งประเด็นการแก้หนี้สหกรณ์การเกษตร ทาง ธ.ก.ส.ยินดีให้ความร่วมมือ
ทั้งนี้ นายสมคิด ได้เรียกประชุมธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) กรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม โดยรองนายกฯ ได้ชูนโยบายว่ารัฐบาลใหม่จะเดินหน้าโครงการอุตสาหกรรมเกษตรระดับชุมชนอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างความเข้มแข็งในประชาชนตั้งแต่ฐานราก โดยมี ธ.ก.ส.เป็นแกนในการขับเคลื่อนเนื่องจากมีความพร้อมด้านทุน ในที่ประชุม ธ.ก.ส. ได้นำเสนอ 395 สหกรณ์ ที่เป็นสหกรณ์หัวก้าวหน้า สมาร์ทฟาร์มเมอร์ และเอสเอ็มอี รวมแล้วประมาณ 10,200 แห่ง ที่เริ่มในโครงการนี้เบื้องต้น
สำหรับสหกรณ์การเกษตรที่มีความก้าวหน้าในด้านรวบรวมและแปรรูปสินค้าเกษตร เช่น กลุ่มข้าว อาทิ สหกรณ์การเกษตรมโนรมย์ จำกัด จ.ชัยนาท สหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม จำกัด จ.พิษณุโลก สหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัย จำกัด จ.ร้อยเอ็ด กลุ่มยางพารา อาทิ สหกรณ์การเกษตรย่านตาขาว จำกัด จ.ตรัง สหกรณ์กองทุนสวนยางอำเภอบ่อทอง จำกัด จ.ชลบุรี สหกรณ์การเกษตรรัตภูมิ จ.สงขลา กลุ่มปาล์มน้ำมัน เช่นชุมนุมสหกรณ์ปาล์มน้ำมันกระบี่ จำกัด จ.กระบี่ สหกรณ์การเกษตรท่าแซะ จำกัด จ.ชุมพร สหกรณ์การเกษตรหลังสวน จำกัด จ.ชุมพร
สำหรับมูลธุรกิจสหกรณ์การเกษตรปี 2561 ที่ผ่านมา มีมูลค่าธุรกิจรวม 341,973 ล้านบาท เป็นมูลค่าธุรกิจจากรวบรวมผลผลิตสินค้าเกษตร 68,761 ล้านบาท ด้านการแปรรูป 32,270 ล้านบาท และธุรกิจบริการ 3,865 ล้านบาท