กรุงเทพฯ--4 ก.ค.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 04 กรกฎาคม 2019 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,410.07 - 1,421.67 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 20,500 บาทต่อบาททองคำ ปรับตัวลดลง 100 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,600 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFQ19 อยู่ที่ 20,620 บาท ปรับตัวลดลง 130 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,750 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.10 น. ของวันที่ 04/07/2019)
แนวโน้มวันที่ 05 กรกฎาคม 2019
คณะบริหารของปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ระบุว่า ทางคณะบริหารกำลังกำหนดการเจรจาทางโทรศัพท์กับผู้เจรจาของจีนในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะเป็นการเริ่มเจรจาอีกครั้งระหว่างทั้ง 2 ประเทศ แม้จะมีการคาดการณ์ว่าการแก้ไขความขัดแย้งอาจไม่ราบรื่นนัก หลังจากที่ปธน.ทรัมป์ กล่าวว่า ข้อตกลงใดๆจะจำเป็นต้องโน้มเอียงสู่การสนับสนุนสหรัฐ แต่แนวโน้มการเจรจาระหว่างสองฝ่ายได้ลดความน่าสนใจลงทุนทองคำลง แม้ว่าการซื้อขายเงินตราทั่วโลกจะซบเซาในวันพุธ เมื่อตลาดการเงิน ตลาดทุนต่างๆของสหรัฐปิดทำการเนื่องในวันชาติสหรัฐ แต่ทิศทางสกุลเงินยูโรที่อ่อนค่าลงนับตั้งแต่ นางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่งได้รับการพิจารณาว่าสนับสนุนการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ได้รับเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) นักลงทุนมองหาการลงทุนในหุ้นที่ให้เงินผลตอบแทนเป็นเงินปันในระดับสูง โดยตลาดหุ้นยุโรปปรับขึ้นในวันพุธเนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อหุ้นที่มอบเงินปันผลสูง ท่ามกลางความคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยของยุโรปจะคงอยู่ในระดับต่ำพิเศษยาวนานขึ้น หลังนางลาการ์ดนั่งตำแหน่งประธาน ECB แทนนายมาริโอ ดรากี แนวโน้มดังกล่าว ส่งผลให้สกุลเงินยูโรอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์ จนสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำเช่นกัน นอกจากนี้ สกุลเงินปอนด์ที่เคลื่อนไหวใกล้ระดับต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์ ได้สร้างแรงกดดันต่อสกุลเงินยูโร และ ราคาทองคำเพิ่มเติม อันเป็นผลจากคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางอังกฤษจะยกเลิกแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเปลี่ยนไปสู่จุดยืนเชิงผ่อนคลาย ท่ามกลางสงครามการค้าและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเจรจาของอังกฤษในการแยกตัวจากสหภาพยุโรป อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอันน่าผิดหวังของสหรัฐ กระตุ้นการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค.นี้เป็นอย่างเร็ว ทั้งนี้ รายงานภาคเอกชนของ ADP ระบุว่า มีการจ้างงานภาคเอกชนเพิ่มเพียง 102,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ซึ่งถ่วงคาดการณ์สำหรับรายงานการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาล ซึ่งจะมีการเปิดเผยในเวลา 19.30 น.ตามเวลาไทยในวันศุกร์นี้ เบื้องต้นวายแอลจีประเมินว่า หากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านแรกได้ นักลงทุนอาจรอการอ่อนตัวลงของราคาค่อยเข้าซื้อทองคำเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น และแนะนำให้ติดตามทิศทางเศรษฐกิจเพื่อประกอบกการตัดสินใจลงทุน
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีแนะนำให้นักลงทุนจับตาบริเวณ 1,411 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาสามารถยืนได้จะเกิดแรงซื้อที่ดันราคาให้ดีดตัวขึ้นไป อย่างไรก็ตาม หากราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านบริเวณ 1,427 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้จำเป็นต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากเมื่อราคามีการปรับขึ้นยังคงมีแรงขายทำกำไรออกมาเช่นกัน ทั้งนี้ ระยะสั้นราคาทองคำยังมีแนวโน้มสร้างฐานราคา ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้นักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้แนะนำให้ถือต่อไป เพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านโซน 1,439 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมาไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,411 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำนักลงทุนสามารถซื้อเก็งกำไร โดยตัดขาดทุนหากราคาหลุดบริเวณดังกล่าว
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,411 (20,450บาท) 1,405 (20,350บาท) 1,398 (20,250บาท)
แนวต้าน 1,427 (20,700บาท) 1,439 (20,850บาท) 1,448 (21,000บาท)
GOLD FUTURES (GFQ19)
แนวรับ 1,411 (20,590บาท) 1,405 (20,500บาท) 1,398 (20,400บาท)
แนวต้าน 1,427 (20,850บาท) 1,439 (21,000บาท) 1,448 (21,150บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร. 02-687-9999