กรุงเทพฯ--8 ก.ค.--ดีดีอาร์
ที่ ห้องลีลาวดี ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบพระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ นพ.มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เป็นประธานเปิดการเสวนาวิชาการ"การใช้กัญชาทางการแพทย์แผนไทย"ภายในงานประชุมวิชาการล้านนาเมืองสุขภาพ "Lanna Wellness City"โดยมีเภสัชกรพลแก้ว วัชระชัยสุรพล หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจสุขภาพ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมสัมมนา
นพ.มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด 4 จังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 (เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง และลำพูน) จัดการประชุมวิชาการล้านนาเมืองสุขภาพ (Lanna Wellness City) ระหว่างวันที่ 3-5 กรกฎาคม 2562 ภายในงาน Lanna Expo 2019 ครั้งนี้มีการถ่ายทอดความรู้เรื่องการใช้กัญชาทางการแพทย์แผนไทยอย่างถูกวิธี และการรักษาโรคด้วยแพทย์แผนไทย 5 กลุ่มอาการ
ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง,โรคเวียนศีรษะ บ้านหมุนเนื่องจากน้ำในหูไม่เท่ากัน,โรคภูมิแพ้ผิวหนังและทางเดินหายใจ,โรคไทรอยด์เป็นพิษและไทรอยด์ต่ำ,โรคเริม งูสวัด ซึ่งในปัจจุบันเรื่องดังกล่าวเป็นศาสตร์การแพทย์แผนไทยที่กำลังได้รับความนิยมและได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเรื่องการใช้กัญชาในการรักษาโรค ว่าจะใช้อย่างไรให้ถูกต้อง ถูกวิธี มีความปลอดภัย รวมทั้งการใช้ยาสมุนไพรต่างๆในการรักษาโรคด้วย
การประชุมวิชาการล้านนาเมืองสุขภาพ ด้านการแพทย์แผนไทย ในวันนี้จะเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนที่จะใช้ภูมิปัญญาทางการแพทย์แผนไทย ที่จะให้ได้ใช้ประโยชน์ ทั้งในการส่งเสริมสุขภาพรักษา โดยเฉพาะให้ความรู้ที่จะได้ใช้สมุนไพรได้อย่างถูกต้อง ส่วนหนึ่งที่สำคัญก็คือในเรื่องของกัญชา อยากให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจว่าจะใช้ประโยชน์ในทางที่ดีได้อย่างไรบ้าง
การใช้กัญชาในการรักษาโรค ว่าจะใช้อย่างไรให้ถูกต้อง ถูกวิธี มีความปลอดภัย รวมทั้งการใช้ยาสมุนไพรต่างๆในการรักษาโรคด้วย เชื่อว่าจะทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมมีความเข้าใจและมีความเชื่อมั่นในศาสตร์การแพทย์แผนไทย เชื่อมั่นในยาสมุนไพรเพิ่มขึ้น ลดการใช้ยาแผนปัจจุบัน อันจะส่งผลดีต่อสุขภาพของประชาชน และเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป
นายวัลลภ เผ่าพนัส ประธานสมาพันธ์การแพทย์แผนไทยล้านนา กล่าวว่า การประชุมล้านนาเมืองสุขภาพ ด้านการแพทย์แผนไทย ภายใต้โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองสุขภาพของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ในครั้งนี้เพื่อถ่ายทอดความรู้เรื่องการใช้กัญชาทางการแพทย์แผนไทยอย่างถูกวิธี และการรักษาโรคด้วยแพทย์แผนไทย 5 กลุ่มอาการ ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง,โรคเวียนศีรษะ บ้านหมุนเนื่องจากน้ำในหูไม่เท่ากัน,โรคภูมิแพ้ผิวหนังและทางเดินหายใจ,ไทรอยด์เป็นพิษและไทรอยด์ต่ำ,เริม งูสวัด ซึ่งมีผู้ลงทะเบียนตอบรับเข้าร่วมประชุมในระบบออนไลน์จำนวน 270 คน และมีผู้ที่มาลงทะเบียนเข้าร่วมประชุมที่หน้างานอีกจำนวนหนึ่ง โดยรูปแบบการประชุมแบ่งเป็น 2 ช่วง ภาคเช้าเป็นการอภิปรายเรื่อง การใช้กัญชาทางการแพทย์แผนไทย ภาคบ่ายเป็นการอภิปรายเรื่อง การรักษาโรคด้วยแพทย์แผนไทย 5 กลุ่มอาการ
ในการจัดประชุมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และแม่ฮ่องสอน ภายใต้โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองสุขภาพของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เป็นเจ้าภาพหลักของโครงการ ในกิจกรรมการประชุมวิชาการล้านนามเมืองสุขภาพ การจัดการประชุมครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากองค์กรภาคีเครือข่าย สมาพันธ์การแพทย์แผนไทยล้านนาทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค ระดับประเทศ
ได้แก่ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สภาการแพทย์แผนไทย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และระดับภูมิภาค ได้แก่ สมาคมแพทย์แผนไทยเชียงใหม่ สมาคมแพทย์แผนไทยลำพูน สมาคมนวดแผนไทยเชียงใหม่ สมาคมส่งเสริมบริการสุขภาพเชียงใหม่ และได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิเครือข่ายแพทย์แผนไทย ได้แก่ อ.ปานเทพ พงษ์พัวพันธ์ คณบดีสถาบันการแพทย์บูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต อ.เดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิขวัญข้าว,อ.เนตรดาว ยวงศรี คลินิกการแพทย์แผนไทยเนตรดาว,อ.ปณิตา ถนอมวงษ์ ปณิตาเมตตาคลินิก การแพทย์แผนไทย อ.ชายณรงค์ ณ เชียงใหม่ ชายณรงค์คลินิกการแพทย์แผนไทย อ.กิตติ กิตติจารุวงศ์ อุปนายกสมาคมแพทย์แผนไทยล้านนาลำพูน ร่วมเป็นวิทยากรในการประชุม
หวังว่าผู้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้จะได้รับความรู้ ความเข้าใจในเรื่องการใช้กัญชาทางการแพทย์แผนไทยอย่างถูกต้อง ถูกวิธี มีความปลอดภัยและมีความเข้าใจในศาสตร์การแพทย์แผนไทยในการรักษาโรค 5 กลุ่มอาการดังกล่าว ซึ่งจะทำให้มีความเชื่อมั่นในการเข้ารับบริการด้านการแพทย์แผนไทย เชื่อมั่นในยาสมุนไพรไทย ลดการใช้ยาแผนปัจจุบัน อันจะส่งผลดีต่อสุขภาพของประชาชน และเศรษฐกิจของประเทศต่อไป