กรุงเทพฯ--9 ก.ค.--บุญรอดบริวเวอรี่
ทัพนักกีฬาพิการทีมชาติไทย ชุดลุยศึกอาเซียนพาราเกมส์ ณ ดินแดนตากาล็อก กว่า 500 ชีวิต เข้ารายงานตัว และปฐมนิเทศเพื่อเก็บตัวฝึกซ้อมครบทั้ง 16 ชนิดกีฬา โดย "บิ๊กนิดหน่อย" จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประมุขพาราลิมปิกไทย ขอใช้เป็นสังเวียน ซ้อมใหญ่ ก่อนไปล่าเหรียญทองใน "พาราลิมปิกเกมส์ 2020" และเป็นเวทีพัฒนาศักยภาพนักกีฬาหน้าใหม่อย่างเต็มที่
ที่ห้องประชุมชั้น อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2562 นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นาย ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ร่วมเป็นประธานการปฐมนิเทศและรายงานตัวนักกีฬาพาราไทย ที่ผ่านการคัดเลือกเป็นตัวแทนทีมชาติไทย เพื่อเข้าเก็บตัวฝึกซ้อมเตรียมความพร้อมก่อนเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 10 ที่ ซูบิค ประเทศฟิลิปปินส์ ในช่วงระหว่างวันที่ 18-25 มกราคม 2562 ที่ ประเทศฟิลิปปินส์ โดยกิจกรรมการปฐมนิเทศในครั้งนี้ผู้แทนจาก 4 สมาคมกีฬาฯ พร้อมด้วย นักกีฬา, ผู้ฝึกสอน และ เจ้าหน้าที่ ที่ผ่านมาการคัดเลือกเป็นตัวแทนทีมชาติทั้ง 16 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย กรีฑา, ว่ายน้ำ, ยิงธนู , แบดมินตัน, เทเบิลเนนิส, วีลแชร์เทนนิส, ยกน้ำหนัก, วอลเลย์บอล (นั่ง), วีลแชร์บาสเกตบอล, โกลบอล, บอคเซีย, ฟุตบอล 7 คน, โบว์ลิ่ง, หมากรุกสากล, ฟุตบอล 7 คน และ ไตรกีฬา รวมทั้งสิน 467 คน แบ่งเป็น นักกีฬา 323 คน, ผู้ฝึกสอน 91 คน และ ผู้ช่วยเหลือนักกีฬา 53 คน เข้ารายงานตัวอย่างพร้อมเพรียง
"บิ๊กนิดหน่อย" จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีให้กับนักกีฬาคนที่ได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนทีมชาติไทยในครั้งนี้ด้วย ส่วนเรื่องเป้าหมายของเราในภาพรวมการแข่งขันกีฬาในระดับอาเซียนนั้นชาวคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย มีนโยบายที่เรามองว่าเป็นการซ้อมใหญ่ของนักกีฬาเรามากกว่า เพราะที่ผ่านมาเราได้มีได้ให้สมาคมกีฬาต่างๆ ได้ส่งนักกีฬาหน้าใหม่เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันในรายการนี้ไว้ถึง 30 เปอร์เซ็น
"อย่างไรก็ดีทำให้เรื่องผลการแข่งขันนั้นเราไม่ได้เน้นมาก แต่เราจะเน้นไปที่กีฬาในระดับสากลเป็นหลัก และเราก็ไม่ได้เน้นเรื่องของเหรียญรางวัล แต่จะเน้นไปที่สถิติส่วนตัวของนักกีฬามากกว่า ซึ่งสุดท้ายเข้าจะนำไปไว้ใช้ประเมินในการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ 2020 ซึ่งทำให้ในอาเซียนพาราเกมส์ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เราจึงให้ความสำคัญไปที่การพัฒนานักกีฬามากกว่าให้ที่จะเน้นไปที่การคว้าเหรียญรางวัลนั่นเอง"
ประมุขพาราลิมปิกไทย กล่าวต่ออีกว่า "ส่วนเรื่องการส่งนักกีฬาในครั้งนี้เราก็ส่วนนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันครบทั้ง 16 ชนิดตามที่เจ้าภาพจัดการแข่งขัน และในครั้งนี้กีฬาที่ทาง ฟิลิปปินส์ จัดการแข่งขันส่วนใหญ่เป็นกีฬาที่ยอมรับของนานาชาติ ทำให้หากพูดถึงเรื่องความพร้อมนั้นต้องบอกว่านักกีฬาที่ความหวังในโตเกียว 2020 นั้นมีการออกไปแข่งขันทำสถิติ เพื่อเก็บแรงกิ้งทั่วโลกตลอดเวลาทำให้พวกเขาก็ค่อนข้างมีความพร้อมอยู่แล้ว แต่ก็จะมีเพียงนักกีฬาหน้าใหม่ที่มีอยู่ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งอาจจะยังขาดประสบการณ์ แต่ต้องบอกว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดีมากที่ การกีฬาแห่งประเทศไทย ให้งบมาณในการเก็บตัวนักกีฬาอย่างเต็มที่ ทำให้ตนยังเชื่อมั่นว่านักกีฬาหน้าใหม่ของเรายังไม่ทิ้งห่างไปแน่นอน แต่ต้องยอมรับว่า 2 ปีที่แล้ว ยอมรับการได้อันดับเป็นผลงานที่ไม่ดีนัก แต่ต้องบอกว่า 9 ปีที่ผ่านมามี 3 ครั้งที่เราไม่ได้ที่ 1 แต่เราก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องผลการแข่งขันเพราะเจ้าภาพส่วนใหญ่มักเอากีฬาพื้นเมืองบรรจุเข้ามาในการแข่งขันฯ ซึ่งเราไม่ได้ให้ความสำคัญ แต่เรามุ่งเน้นไปที่การพัฒนานักกีฬาระดับสากลเป็นสำคัญมากกว่า"
ด้าน นายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กิจกรรมปฐมนิเทศในครั้งถือเป็นความร่วมมือของทางการกีฬาแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย และ 4 สมาคมกีฬาฯ จัดขึ้นเพื่อต้องการทำความเข้าใจและชี้แจงกฎระเบียบ, สิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่นักกีฬาจะได้รับทราบในช่วงระหว่างการเก็บตัวฝึกซ้อม อาทิ ค่าที่พัก, เบี้ยเลี้ยง , อาหาร, การรักษาพยาบาล และ สิทธิประโยชน์ จนร่วมไปถึงเรื่องการตรวจเยี่ยม และการประเมินผลการฝึกซ้อม ร่วมถึงป้าหมายของแต่ละชนิดกีฬาให้นักกีฬาไทยทราบโดยทั่วกัน ทั้งนี้นักกีฬาทั้งหมดจะมีกำหนดเข้าเก็บตัวฝึกซ้อมในวันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา จนถึง 15 มกราคม 2563
สำหรับการแข่งขันอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 9 ที่ผ่านมา ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ทัพนักกีฬาไทย ทำผลงานจบในอันดับที่ 3 โดยคว้าเหรียญรางวัลมาครองได้ทั้งสิน 68 เหรียญทอง 73 เหรียญเงิน และ 95 เหรียญทองแดง