กรุงเทพฯ--11 ก.ค.--เวิร์คลิ้งค์ ดาเอเจนซี่
KTBST ประกาศจับมือกับ Haitong International ขยายธุรกิจการลงทุนทั่วโลก เพิ่มโอกาสนักลงทุนไทยลงทุนต่างประเทศ และดึงต่างชาติเข้าตลาดหุ้นไทย ระบุเศรษฐกิจจีนยังมีพื้นฐานแข็งแกร่ง นโยบายลงทุนของรัฐบาลช่วยรับมือผลกระทบจากสงครามการค้า
ดร. วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST เปิดเผยว่า KTBST ได้ทำการลงนามความร่วมมือกับกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ ไห่ตง อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป ไพรเวท ลิมิเต็ด (สิงคโปร์) (Haitong International (Singapore)) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บริษัทหลักทรัพย์ ไห่ตง อินเตอร์เนชั่นแนล (Haitong International , รหัสหลักทรัพย์: 665.HK) ตั้งแต่เมื่อช่วงต้นปี 2562 ผ่านมา ซึ่งการลงนามในข้อตกลงความร่วมมือกันครั้งนี้ ถือเป็นความเชื่อมโยงทางธุรกิจกันระหว่างประเทศไทย กับเกาหลี , จีน , ฮ่องกง, และสิงคโปร์
KTBST เป็นสถาบันการเงินในประเทศไทย ในเครือของ KTB Investment & Securities ประเทศเกาหลีใต้ หรือ KTBIS บริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์ ที่เป็นธุรกิจหลักของ KTB Group ประเทศเกาหลีใต้ โดยการทำข้อตกลงความร่วมมือกับ Haitong International ซึ่งเป็นสถาบันการเงินระหว่างประเทศที่จัดตั้งขึ้นในฮ่องกง, สิงคโปร์, นิวยอร์ก, ลอนดอน, โตเกียว, ซิดนีย์, และมุมไบ ในครั้งนี้ ได้ทำในนามของ KTB Group โดยให้ KTBST เป็นตัวกลางเชื่อมโยง
โดยวัตถุประสงค์ของความร่วมมือกันในครั้งนี้ คือ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการบริการด้านวาณิชธนกิจและนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ใน 4 ด้านสำคัญ คือ บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ (Equity Research) การบริหารจัดการลงทุน (Asset Management) งานด้านวาณิชธนกิจ (Investment Banking) และผลิตภัณฑ์การเพื่อบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management products) ซึ่งข้อตกลงนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจของ KTBST ไปสู่ระดับสากล เพื่อหาโอกาสการลงทุนในต่างประเทศ ทั้งในด้านการให้บริการและผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า เพื่อก้าวสู่การเป็น "สถาบันการเงินที่โดดเด่นของประเทศไทย" ตามวิสัยทัศน์ ของ KTBST ที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้
ดร.วิน กล่าวว่า KTBST ตัดสินใจร่วมมือกับ Haitong International เนื่องจาก ทั้ง 2 บริษัท มีความเป็นเอกเทศไม่ขึ้นอยู่กับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และมีโครงสร้างการบริหารงานและบุคคลากรที่ทำงานคล้ายคลึงกัน อีกทั้งมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจ และเข้าใจตลาดทุนอย่างลึกซึ้ง เราเชื่อมั่นว่าการผนึกกำลังจากความร่วมมือในครั้งนี้จะสามารถเพิ่มศักยภาพการให้บริการ และขยายธุรกิจด้านการลงทุนให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ KTBST เล็งเห็นว่า Haitong International มีแพลตฟอร์มการให้บริการด้านการเงินที่มีมาตรฐาน สามารถให้บริการได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการบริหารการเงินขององค์กร, การบริหารความมั่งคั่ง , การบริหารจัดการลงทุน, ธุรกิจลูกค้าสถาบัน และธุรกิจด้านวาณิชธนกิจ, รวมทั้งผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ครบวงจร ดังนั้น ความร่วมมือในครั้งนี้ KTBST จะเป็นประตูเชื่อมโยงสำหรับนักลงทุนไทย และนักลงทุนเกาหลีไปสู่การลงทุนในตลาดทุนจีนและตลาดทั่วโลก
สำหรับรายละเอียดความร่วมมือในครั้งนี้ สำหรับด้านธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (Brokerage) และธุรกิจด้านวาณิชธนกิจ (Investment Banking) KTBST มีแนวคิดที่จะร่วมมือ Haitong International เพื่อจัดโรดโชว์ให้กับนักลงทุนที่มีศักยภาพ และสนใจการลงทุนในตลาดทุนในประเทศจีน (Onshore) และตลาดทุนต่างประเทศนอกจากประเทศจีน (Offshore) และ KTBST ก็จะแนะนำโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นไทยให้กับลูกค้าของ Haitong International รวมทั้งประสานความร่วมมือระหว่าง KTBIS ประเทศเกาหลีใต้กับ Haitong International ในการสร้างแพลตฟอร์ม เพื่อให้นักลงทุนเกาหลีใต้มีโอกาสไปลงทุนในตลาดหุ้นจีนอีกด้วย
ส่วนความร่วมมือด้านบทวิเคราะห์หลักทรัพย์และการลงทุน (Research) KTBST มีเป้าหมายให้บทวิเคราะห์และข้อมูลด้านการลงทุนครอบคลุมไปถึงตลาดทุนในภูมิภาคอื่น ๆ โดยเฉพาะตลาดทุนประเทศจีน ดังนั้น ด้วยความร่วมมือกันนี้จะช่วยยกระดับบทวิเคราะห์ของ KTBST ไปสู่ความเป็นมาตรฐานสากลมากยิ่งขึ้น
และความร่วมมือในด้านผลิตภัณฑ์การลงทุน ปัจจุบัน KTBST มีจุดแข็งหลักในการนำเสนอโอกาสการลงทุนผ่านผลิตภัณฑ์ที่ลงทุนในตลาดยุโรป และสหรัฐฯ ให้กับลูกค้า และการได้พันธมิตรอย่าง Haitong International จะทำให้ KTBST สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนครอบคลุมไปยังตลาดทุนในจีน และเอเชีย ผ่านทาง Haitong International Asset Management ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักของ Haitong International
โดยผลิตภัณฑ์แรกที่ KTBST ร่วมมือกับ Haitong International นั้น KTBST ขอแนะนำโอกาสการลงทุนใหม่ในประเทศจีน จากการใช้กลยุทธ์การลงทุนในตราสารหนี้จีนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (Chinese USD fixed income strategy) ซึ่งมีโครงสร้างการลงทุนที่เรียกว่า Multi-tranche ซึ่งเป็นกองทุนที่สามารถออกหน่วยลงทุนหลายชนิดที่ให้สิทธิหรือผลประโยชน์ตอบแทนที่แตกต่างกันได้ในตราสารหลากหลายและยืดหยุ่น เพื่อสนองตอบความต้องการของนักลงทุนที่รับความเสี่ยงและต้องการผลตอบแทนที่แตกต่างกัน
ดร. วิน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับมุมมองการลงทุนในประเทศจีน KTBST มีมุมมองที่เป็นบวกต่อการลงทุนในประเทศจีน และแนะนำให้เพิ่มน้ำหนัก การลงทุนในตลาดหุ้นจีน (Overweight) โดยมองว่า ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาที่ระดับ P/E ประมาณ 13.17 เท่า และอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) ยังคงแข็งแกร่งที่ระดับ 16.90% แม้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) จะปรับลดประมาณการณ์การเติบโตของ GDP ประเทศจีนในปีนี้ลงจากระดับ 6.3% เหลือ 6.2% เนื่องจากผลกระทบของสงครามการค้าที่เพิ่มขึ้น แต่มองว่าตลาดหุ้นจีน ไม่น่าจะปรับตัวลงไปต่ำกว่านี้ เนื่องจากรัฐบาลจีนมีการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายด้าน ขณะที่ผลการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ แม้ยังไม่มีข้อสรุปแต่มีการตกลงกันได้ในบางประเด็น ถือเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นจีนในกลุ่มการเงินและกลุ่มอื่น ๆ ส่งผลให้ตลาดหุ้นจีน จึงยังเป็นตลาดที่น่าสนใจ
ทั้งนี้ แม้ปัจจัยสงครามการค้าจะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจจีน แต่เมื่อวิเคราะห์ถึงปัจจัยพื้นฐานที่ยังแข็งแกร่งและการที่เศรษฐกิจจีนสามารถปรับตัวได้เพื่อรับมือกับผลกระทบได้อย่างดี โดยเฉพาะการที่บริษัทในประเทศจีนเริ่มมีความเป็นสากลมากขึ้น โดยเฉพาะบริษัทกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนที่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก และได้ออกไปสู่ตลาดต่างประเทศเพื่อแสวงหาโอกาสทางการเงินที่หลากหลาย เช่น รีทส์, ตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูง (High-yield bond), และหุ้นที่เสนอขายในตลาดทะเบียนครั้งแรก (IPO) ซึ่งเป็นธุรกิจของ Haitong International โฟกัสอยู่ตอนนี้
นาย เฉิน ฉวน (Mr. CHEN Xuan) ซีอีโอ ไห่ตง อินเตอร์เนชั่นแนล ไพรเวทเวลธ์ กรุ๊ป ประเทศสิงคโปร์ และกรรมการผู้จัดการ - ไห่ตง อินเตอร์เนชั่นแนล ไพรเวทเวลธ์ แมนเนจเมนต์ และ กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ไห่ตง อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า Haitong International จัดตั้งขึ้นที่ฮ่องกง และมีสาขาอยู่ทั่วโลก และมีความมุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างตลาดทุนของจีนและต่างประเทศ การร่วมมือกับ KTBST จะปูทางให้ Haitong International สามารถเข้าถึงตลาดทุนไทย และตลาดทุนเกาหลีใต้ จึงเชื่อมั่นว่าความร่วมมือกันในครั้งนี้ จะสนับสนุนให้การขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียในเอเชียมีความแข็งแกร่ง และสามารถให้บริการแก่นักลงทุนจากทั่วโลกได้ดียิ่งขึ้น