กรุงเทพฯ--17 ก.ค.--เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น
บล.เคทีบี กับ บล.เอเชีย เวลท์ควงคู่ แนะซื้อหุ้น SSP พร้อมปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น11-12 บาท หลังคาดการณ์กำไรไตรมาส 2/62 อยู่ที่ 160-165 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5-10% จากงวดเดียวกันปีก่อน และ27-29%จากไตรมาส1/62 เนื่องจากผลิตไฟฟ้าที่ญี่ปุ่น และไทยมากขึ้น รวมทั้งเริ่มรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าเวียดนามเต็มที่ หนุนกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมครึ่งแรกของปีนี้แตะ 140 เมกะวัตต์ ขณะที่ไตรมาส 3/62 จะเพิ่มขึ้นเป็น 157เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้ามองโกเลีย เตรียมแผนขยายลงทุนโรงไฟฟ้าเวียดนามระยะที่ 2 และจ่อลงทุนโรงไฟฟ้าในอินโดนีเซีย
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์เผยแพร่โดยระบุว่า ได้แนะนำซื้อหุ้น บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SSP ประเมินเป้าหมาย 12 บาทต่อหุ้นโดยโรงไฟฟ้ามองโกเลียโรงแรก COD เรียบร้อยแล้ว คาดทำให้ตลาดคลายความกังวลอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้ง SSP เป็นหุ้น Laggard ที่น่าสนใจ โดยปัจจุบันเทรดพีอีเรโช อยู่ที่ราว 11เท่า เมื่อเทียบค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่เทรดราว 20เท่า พร้อมกับกำไรที่เติบโตโดดเด่นกว่า 30% จากกำลังการผลิตที่มี PPA รองรับแล้วทั้งหมด
ขณะที่กำไรสุทธิในไตรมาส 2/2562 คาดเติบโตโดดเด่น โดยกำไรปกติประเมินที่ 165 ล้านบาท เพิ่มขึ้น10% จากงวดเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 27% จากไตรมาส1/62 เติบโตจากงวดเดียวกันปีก่อน จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น 54 เมกะวัตต์ โดยเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการ Solar farm Binh Nguyen (เวียดนาม) ขนาดกำลังการผลิตตามสัดส่วน 39.7 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการหลักในปีนี้เมื่อเดือน พ.ค.62 ขณะที่เทียบจากไตรมาส1/62 กำไรเติบโตได้จากการเข้าสู่ช่วง High season ของ Solar farm ทั้งในไทยและญี่ปุ่น
ทั้งนี้ คงกำไรสุทธิปี 2562 และคาดครึ่งหลังปี 2562 เติบโตโดเด่นต่อเนื่อง ยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2562 ที่ 692 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39%จากงวดเดียวกันปีก่อน แม้ประมาณการครึ่งแรกปี 2562 คิดเป็น 43% ของประมาณการทั้งปี แต่ Key driver ในครึ่งหลังปี 2562 จะมาจากการรับรู้รายได้เต็มจากโครงการ Solar farm Binh Nguyen (เวียดนาม) ซึ่ง COD ในไตรมาส 2/2562 และเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการ Solar farm Khonshign (มองโกเลีย) 11เมกะวัตต์ ซึ่ง COD และส่งผลให้กำลังการผลิตตามสัดส่วนรวม ณ สิ้นปี 2562 อยู่ที่ 121เมกะวัตต์เพิ่มขึ้น 73%จากงวดเดียวกันปีก่อน
ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ ออกบทวิเคราะห์เผยแพร่ ระบุว่า ฝ่ายวิจัยได้แนะนำซื้อ หุ้นSSP โดยปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 11 บาทต่อหุ้น จาก 10.70 บาทต่อหุ้น เนื่องจาก คาดSSP จะรับรู้กำไรไตรมาส2/62 ประมาณ 160 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากงวดเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 29%จากไตรมาส1/62
โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากเป็นช่วงฤดูร้อนทั้งในไทยและญี่ปุ่น โดยเฉพาะญี่ปุ่นเป็นช่วงมีแดดตั้งแต่ ตี 4 ถึง 6 โมงเย็น ซึ่งการผลิตกระแสไฟฟ้าจาก Solar Farm Plants ที่ญี่ปุ่นอยู่ในระดับดีทำให้ผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อน และไตรมาส 1/62 และ เริ่มรับรู้รายได้ไฟฟ้าขนาด 50 เมกะวัตต์ที่เวียดนามเข้ามาตั้งแต่เดือน มิ.ย.62 รวมทั้ง โครงการ Khunshight Kundi ในมองโกเลีย ขนาด 16.4 เมกะวัตต์พร้อมจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้ว และรับรู้รายได้ค่าไฟฟ้าได้ในช่วงไตรมาส 3/62 ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมายกำลังการผลิตราว 400 เมกะวัตต์ภายใน 5 ปี เทียบกับสิ้นไตรมาส 2/62 มีอยู่ 140 เมกะวัตต์ และไตรมาส 3/62 จะมี 157เมกะวัตต์ (เพิ่มจากมองโกเลีย) โดยสิ้นปี 2563 คาดว่าจะมีกำลังการผลิต 192 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ SSP ยังให้ความสนใจโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนามระยะ2 ที่มีศักยภาพสูง และมีกำหนดCOD ในปี 2563 ซึ่งช่วยลดความผันผวนของรายได้ด้วย เนื่องจากพลังงงานลมจะมี High Season ในไตรมาส3 ซึ่งตรงกันข้ามกับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เป็น Low Season
สำหรับในอินโดนีเซียนั้น SSPได้เข้าร่วมลงทุนกับ บริษัท SEA Sun Energy Partner Pte.Ltd. เพื่อพัฒนาโครงการ Solar Rooftop รวมถึงเป็นฐานในการพัฒนาโรงการอื่นๆ หากรัฐบาลอินโดนีเซียนมีนโยบายสนับสนุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม บทวิเคราะห์ระบุว่า ฝ่ายวิจัยได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิของSSP ในปี 2562 เพิ่มขึ้น 3%เป็น 653 ล้านบาท และในปี 2563 เพิ่มขึ้น 5% เป็น 1,137 ล้านบาท จึงยังคงแนะนำซื้อลงทุน