กรุงเทพฯ--18 ก.ค.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์
มิวเซียมสยาม ร่วมกับ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไต้หวัน และสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย เปิดตัวนิทรรศการ "สักสี สักศรี ก่อนรอยแห่งเกียรติจะลบเลือน" (Tattoo COLOR, Tattoo HONOR) ครั้งแรกของไทยในการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับรอยสัก 2 แห่ง เพื่อบอกเล่ามรดกทางวัฒนธรรม ผ่านศิลปะการสักลายบนเรือนร่างของ 3 กลุ่มชาติพันธุ์ คือ ชาวไท่หย่า (Atayal) ชาวไผวัน (Paiwan) จากไต้หวัน และชาวล้านนาไทย อันสะท้อนวัฒนธรรมการสักลายที่บ่งบอกถึง ความกล้าหาญ เกียรติยศ และคติความเชื่อ ฯลฯ โดยนิทรรศการดังกล่าวประกอบไปด้วยโซนจัดแสดงวัตถุและภาพที่หาชมได้ยาก อาทิ หุ่นไม้แกะสลัก มือไม้แกะสลัก ภาพประวัติศาสตร์การสักของกลุ่มชาติพันธุ์ จัดฉายภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับการสัก รวมถึงกิจกรรมเสวนาและเวิร์คชอป ที่น่าสนใจตลอดการจัดแสดงนิทรรศการ สามารถเข้าชมได้ฟรี ตั้งแต่วันนี้ถึง 27 ตุลาคม 2562 ณ มิวเซียมสยาม (ท่าเตียน) ถนนสนามไชย กรุงเทพ
สำหรับพิธีเปิด "นิทรรศการสักสี สักศรี" จัดขึ้นเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2562 ณ มิวเซียมสยาม กรุงเทพฯ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-225-2777 เว็บไซต์ www.museumsiam.org หรือ ww.facebook.com/museumsiamfan
รองศาสตราจารย์ บุญสนอง รัตนสุทรากุล รักษาการ ประธานกรรมการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) มีนโยบายที่มุ่งเน้นในการพัฒนาและเชื่อมโยงองค์ความรู้ ส่งเสริมและสนับสนุนความรู้ให้กับประชาชนในมิติต่าง ๆ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้มีพื้นที่การเรียนรู้นอกห้องเรียนมากยิ่งขึ้น จากความร่วมมือของสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (มิวเซียมสยาม) และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไต้หวัน สู่การจัดนิทรรศการ "สักสี สักศรี ก่อนรอยแห่งเกียรติจะลบเลือน" (Tattoo COLOR, Tattoo HONOR) ที่ใช้ศิลปะการสักลาย ในการถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ ถือว่าเป็นมิติใหม่ในการสร้างสรรค์องค์ความรู้ เพราะการสักลายไม่เพียงแต่เพื่อความสุนทรียะเท่านั้น แต่ยังมีนัยยะสำคัญที่กล่าวถึงเกียรติยศ และความภาคภูมิใจ ในขนบธรรมเนียมของกลุ่มชาติพันธุ์ ทั้งในประเทศไทย และไต้หวัน ทั้งนี้ นิทรรศการสักสี สักศรี จะกระตุ้นการเรียนรู้ และถ่ายทอดมรดกทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์กลุ่มชาติพันธุ์ สู่ประวัติศาสตร์ของคนทุกคน ตลอดจนสามารถรักษาองค์ความรู้ให้อยู่คู่สังคมตลอดไป
นายราเมศ พรหมเย็น ผู้อำนวยการสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (มิวเซียมสยาม) กล่าวว่า นิทรรศการสักสี สักศรี ภายใต้แนวคิด "ก่อนรอยแห่งเกียรติจะลบเลือน" เป็นนิทรรศการที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างมิวเซียมสยาม และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไต้หวัน ที่บอกเล่าเรื่องราวและมรดกทางวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุ์ของไทยและไต้หวัน ผ่านศิลปะการสักลายบนเรือนร่างผ่าน 3 กลุ่มชาติพันธุ์ คือ ชาวไท่หย่า (Atayal) ทางตอนเหนือของไต้หวัน ชาวไผวัน (Paiwan) ทางตอนใต้ของไต้หวัน และชาวล้านนา ทางตอนเหนือของไทย อันสะท้อนวัฒนธรรมการสักลายเพื่อบ่งบอกถึง ความกล้าหาญ เกียรติยศ และคติความเชื่อ เพื่อสนับสนุนการถ่ายทอด มรดกทางภูมิปัญญา สู่คนรุ่นใหม่และประชาชนไม่ให้สูญหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ ภายในนิทรรศการจะถูกเนรมิตให้เต็มไปด้วยบรรยากาศของศิลปะการสักลาย ขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรมความเชื่อเกี่ยวกับรอยสักที่มีร่วมกันในภูมิภาค ประกอบไปด้วย 3 โซนกิจกรรมคือ 1) โซนภาพและวัตถุจัดแสดง อาทิ หุ่นไม้แกะสลัก มือไม้แกะสลัก ภาพประวัติศาสตร์การสักของกลุ่มชาติพันธุ์ เป็นต้น 2) โซนกิจกรรมเสวนาและเวิร์คชอป จากผู้เชี่ยวชาญด้านมรดกวัฒนธรรม ทั้งไทยและไต้หวัน และ 3) โซนฉายภาพยนตร์สารคดี ที่จะบอกเล่าองค์ความรู้การสักลาย การสื่อนัยยะทางสังคม ในรูปแบบผสมผสานที่น่าสนใจ
นายราเมศ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับรายละเอียดของการจัดแสดงในส่วนของประเทศไทยนั้น จะสะท้อนผ่านชาวล้านนา ที่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของไทย โดยได้นำเสนอวัฒนธรรมการสักขาลาย อันเป็นเอกลักษณ์เก่าแก่ที่ถ่ายทอดกันมาหลายชั่วอายุคน ในกลุ่มของชายชาวล้านนาจะแสดงถึงความกล้าหาญ ความเป็นลูกผู้ชาย และความอดทนต่อความเจ็บปวด ผ่านลวดลายสัตว์หิมพานต์ ตามคติความเชื่อจากศาสนาพุทธและฮินดู อาทิ หนู นกกระจาบ นกแร้ง สิงโต ค้างคาว ชะมด ราชสีห์ นกกาบบัว เสือ ช้าง ลิง และหนุมาน นอกจากนี้ยังมีลวดลายที่หาชมได้ยากในปัจจุบัน อาทิ ลายเมฆ ตัวมอมหรือสิงโต เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การสักขาลาย ถือเป็นการสักตามจารีตประเพณี และขนบธรรมเนียมกลุ่ม ไม่มีการใช้มนต์คาถาประกอบพิธีกรรมการสัก แต่จะใช้เป็น 'การตั้งขันครู' เพื่อบูชาครูที่ทำการสักลายให้ และเมื่อสักเสร็จ ครูสักจะผูกด้ายขาวที่ข้อมือเป็นอันจบพิธีกรรมการสักขาลาย ตามขนบวัฒนธรรมกลุ่มชายชาวล้านนา
ด้าน นาย หง ซื่อ โย่ว (Mr. Hung, Shih-Yu) ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไต้หวัน หรือ National Taiwan Museum (NTM) กล่าวว่า ไต้หวันเลือกนำเสนอการสักของ 2 กลุ่มชาติพันธุ์ คือ ชาวไท่หย่า (Atayal) และชาวไผวัน (Paiwan) โดย ชาวไท่หย่า (Atayal) ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของไต้หวัน จะมีเอกลักษณ์คือการสักหน้า เพื่อเป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงความสามารถ ก่อนที่จะได้รับการสักหน้านั้น ในเพศชายจะต้องได้รับการยอมรับว่ามีความกล้าหาญ และในเพศหญิงจะต้องได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ถักทอและทำการเกษตรเก่งเสียก่อน สำหรับชาวไผวัน (Paiwan) ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของไต้หวัน จะใช้การสักบริเวณลำตัวของเพศชาย และมือของเพศหญิง เพื่อเป็นเครื่องแสดงออกถึงสถานะทางสังคม และความรับผิดชอบ โดยผู้ที่จะสามารถสักได้นั้นจะต้องเป็นชนชั้นสูงของเผ่าเท่านั้น ซึ่งทั้งสองกลุ่มได้ใช้ศิลปะการสักลายบนร่างกาย แสดงถึงเกียรติยศทางสังคม ขนบธรรมเนียมกลุ่ม ผนวกกับคติความเชื่อทางศาสนาของกลุ่มชาติพันธุ์ ทำให้การสักไม่ใช่เพื่อสุนทรียะเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์และความสัมพันธ์ทางสังคม ที่ต้องได้รับอนุญาตหรือการยอมรับในกลุ่มก่อนจะสักลาย
ทั้งนี้ สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (มิวเซียมสยาม) สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไต้หวัน ได้ร่วมกันเปิดตัวนิทรรศการ "สักสี สักศรี ก่อนรอยแห่งเกียรติจะลบเลือน" เมื่อเร็วๆ นี้ ณ มิวเซียมสยาม กรุงเทพฯ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ มิวเซียมสยาม ถนนสนามไชย กรุงเทพฯ หมายเลขโทรศัพท์ 02-225-2777 เว็บไซต์ www.museumsiam.org หรือ www.facebook.com/museumsiamfan