กรุงเทพฯ--19 ก.ค.--สำนักงาน กปร.
พัฒนาองค์ความรู้และเสริมสร้างเครือข่ายขับเคลื่อนการพัฒนาตามแนวพระราชดำริและปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (พพร.) รุ่นที่ 8
นายจรัลธาดา กรรณสูต องคมนตรี เป็นประธานเปิดการอบรมโครงการพัฒนาองค์ความรู้และเสริมสร้างเครือข่ายขับเคลื่อนการพัฒนาตามแนวพระราชดำริและปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (พพร.) รุ่นที่ 8 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ พร้อมบรรยายพิเศษ เรื่อง "จอมปราชญ์แห่งการพัฒนา" ณ ห้องประชุม ๑๐๑ อาคารสำนักงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร
นายดนุชา สินธวานนท์ เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เปิดเผยว่าโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 4,000 กว่าโครงการ ที่สำนักงาน กปร. ได้รวบรวมไว้มีหลากหลายแขนงวิชาและแยกการพัฒนา จำนวน 8 ประเภท ได้แก่ 1. โครงการพัฒนาด้านแหล่งน้ำ 2. โครงการพัฒนาด้านการเกษตร 3. โครงการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม 4. โครงการพัฒนาด้านส่งเสริมอาชีพ 5. โครงการพัฒนาด้านสาธารณสุข 6. โครงการพัฒนาด้านคมนาคม/สื่อสาร
7. สวัสดิการสังคม/การศึกษา และ 8. โครงการพัฒนาแบบบูรณาการ/อื่น ๆ โดยสำนักงาน กปร. ได้จัดหมวดหมู่เพื่อให้ประชาชนหรือผู้ที่สนใจ ได้มาสืบค้นความรู้เหล่านี้แล้วนำไปปฏิบัติใช้ได้อย่างสะดวก
ซึ่งนอกจากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริใน 4,000 กว่าโครงการแล้ว ยังมีแนวพระราชดำริอื่น ๆ หรือแนวคิด ตลอดถึงปรัชญาที่เป็นเรื่องบูรณาการ เช่น เรื่องของทฤษฎีใหม่ เรื่องปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ไปจนถึงหลักการทรงงาน
ก็ได้รวบรวมและประมวลร้อยเรียงให้เป็นลักษณะของงานบูรณาการ รวมถึงวิธีการทรงงาน ขั้นตอน และแนวพระราชดำริ
ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ไว้อย่างเป็นระบบ
รวมถึงแนวพระราชดำริหรือพระราชปณิธานตลอดถึงพระปฐมราชองค์การ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษา ต่อยอดงานในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งสำนักงาน กปร. ได้น้อมนำปฏิบัติในทุกด้าน รวมถึงโครงการพัฒนาองค์ความรู้และเสริมสร้างเครือข่ายขับเคลื่อนการพัฒนาตามแนวพระราชดำริและปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (พพร.) ก็เป็นหนึ่งในการสืบสาน รักษา ต่อยอด ตามพระราชปณิธานงานในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
"มีบุคลากรจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ที่ดำเนินงานเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เข้ารับการอบรม โดยผู้เข้ารับการอบรมจะได้รับฟังความคิด ความรู้ และประสบการณ์จากผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ได้ติดตามการทรงงานได้ถวายงานในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ผู้เข้ารับการอบรมได้รับความรู้และเข้าใจอย่างถูกต้อง และเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ที่สำคัญผู้เข้ารับการฝึกอบรมล้วนแต่มีประสบการณ์ และอยู่ในสถานะผู้ปฏิบัติงานด้านนี้อยู่แล้ว การเข้ารับการฝึกอบรมก็จะเกิดเครือข่ายระหว่างหน่วยงานขึ้นมา สามารถเชื่อมโยงการปฏิบัติหน้าที่ระหว่างหน่วยงานได้ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้การปฏิบัติงานในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สามารถลดขั้นตอนและอุปสรรค ตลอดถึงการสื่อสารระหว่างกันของแต่ละหน่วยงานได้ดีมากยิ่งขึ้น" นายดนุชา สินธวานนท์ กล่าว
นางอาภาภรณ์ ช่างถม นักวิชาการเกษตรชำนาญการ สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 3 จังหวัดระยอง ปฏิบัติหน้าที่งานส่งเสริมการเกษตร ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่าจากที่พูดคุยกับผู้เข้ารับการฝึกอบรมพบว่ามีมาจากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ทำให้สามารถต่อยอดในการปฏิบัติหน้าที่ได้มากยิ่งขึ้นเพราะเกิดเครือข่าย เนื่องจากการทำงานเพียงลำพังอาจจะไม่ครบถ้วนและทั่วถึง อย่างเช่นเกษตรกรในพื้นที่ที่ต้องการความรู้และความเข้าใจในด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานด้านการเพาะปลูกก็สามารถอาศัยเครือข่ายตรงนี้เข้ามาช่วยเติมเต็มได้มากยิ่งขึ้น
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีน้ำพระทัย ทรงเมตตาพสกนิกรชาวไทย พระองค์ทรงสืบสานรักษาต่อยอดงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
ในฐานะผู้ปฏิบัติงานก็จะน้อมนำพระราชดำรินี้ มาดำเนินการด้วยการต่อยอดงานในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ที่รับผิดชอบอยู่ให้เดินหน้าต่อไป
"อย่างที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี ในส่วนที่รับผิดชอบอยู่ก็จะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะงานด้านการส่งเสริมการเกษตร ก็จะขยายผลจากผลสำเร็จจากการศึกษาทดลองไปสู่เกษตรกรในพื้นที่ให้ทั่วถึงและกว้างขวางให้มากยิ่งขึ้น ที่สำคัญจะนำเครือข่ายที่ได้จากการเข้าฝึกอบรมครั้งนี้มาเอื้อประโยชน์
แก่เกษตรกรในพื้นที่อย่างเต็มที่ เพื่อให้เกษตรกรได้รับประโยชน์ มีรายได้อย่างมั่นคงและมีความสุขในการดำรงชีวิต"
นางอาภาภรณ์ ช่างถม กล่าว
ส่วน พ.ต.ต เขมณัฏฐ์ ห่อเล ผู้บังคับกองร้อย ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 136 อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี อีกหนึ่งผู้เข้ารับการอบรมในครั้งนี้ เปิดเผยว่า ตำรวจตระเวนชายแดนมีหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยและดูแลประชาชนในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่บริเวณชายแดน ซึ่งได้น้อมนำพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาปฏิบัติใช้ โดยเฉพาะในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งนอกจากจะเอื้อประโยชน์แก่เด็กนักเรียนในโรงเรียนแล้ว ผู้ปกครองก็สามารถเข้ามาศึกษาดูงานกิจกรรมต่าง ๆ ที่น้อมนำพระราชดำริมาดำเนินการในโรงเรียน ตชด. ได้อีกด้วย โดยเฉพาะปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงนั้นสามารถนำมาส่งเสริมให้มีการปฏิบัติใช้ได้เป็นอย่างดี ทั้งกำลังพลและประชาชนในพื้นที่ที่รับผิดชอบ
"การเข้ามารับการอบรมครั้งนี้คาดหวังว่าจะได้รับความรู้ที่ครอบคลุมในแทบทุกด้าน ซึ่งจะนำเอาความรู้เหล่านี้
ไปต่อยอดงานด้านการพัฒนาทั้งในกองร้อย และต่อยอดด้วยการถ่ายทอดสู่ประชาชนบริเวณชายแดนอีกด้วย ที่สำคัญผู้เข้ารับการอบรมที่มาจากหลายองค์กรนับว่าเป็นสิ่งดี เพราะแต่ละท่านจะมีการถ่ายทอดประสบการณ์ที่สามารถนำไปขยายผลสู่การปฏิบัติใช้ของประชาชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี และจะทำให้การประสานงานในการดำเนินงานตามโครงการต่าง ๆ เป็นไปด้วยดีมากยิ่งขึ้น เพราะการพัฒนานั้นจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากส่วนงานต่าง ๆ" พ.ต.ต เขมณัฏฐ์ ห่อเล กล่าว
โครงการพัฒนาองค์ความรู้และเสริมสร้างเครือข่ายขับเคลื่อนการพัฒนาตามแนวพระราชดำริและปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (พพร.) เป็นโครงการฝึกอบรมที่สำนักงาน กปร. จัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2562 นี้ เป็นรุ่นที่ 8 แล้ว โดยอบรมระหว่างวันที่ 26 มิถุนายน ถึงวันที่ 17 สิงหาคม 2562 รวมระยะเวลา 23 วัน โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเทิดทูนและพิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ เสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนาตามแนวพระราชดำริและปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้ง เปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้หลักการและประสบการณ์ในทางปฏิบัติ รวมทั้งสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน อันจะนำไปสู่ความร่วมมือในการขยายผลไปสู่เครือข่ายการพัฒนา ตามแนวพระราชดำริและปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงต่อไป
โดยมีบุคลากรจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน จำนวน 50 คน เข้ารับการอบรม โดยผู้เข้ารับการอบรมจะได้รับฟังการบรรยายในหัวข้อต่าง ๆ อาทิ "สำนักงาน กปร. กับการขับเคลื่อนงานพัฒนาตามแนวพระราชดำริระดับนโยบาย"
โดยนายดนุชา สินธวานนท์ เลขาธิการ กปร. "การสร้างสังคมไทยให้เข็มแข็งอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานความพอเพียง"
โดยนายแพทย์ประเวศ วะสี "70 ปี แห่งพระมหากรุณาธิคุณ" โดย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา"ภูมิคุ้มกันประเทศไทย" โดยศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ฯลฯ พร้อมศึกษาดูงานภายใน
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทั้งในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมจากภาคส่วนต่าง ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการน้อมนำแนวพระราชดำริไปปฏิบัติและขยายผลการพัฒนาได้ต่อยอดความรู้และประสบการณ์ และมีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาองค์ความรู้ และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาตามแนวพระราชดำริและปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง อันเป็นการแสดงให้เห็นว่าการพัฒนาตามแนวพระราชดำริและปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับ
ทุกภาคส่วน นำมาซึ่งประโยชน์ต่อการพัฒนาองค์กร ชุมชน และประเทศชาติสืบไป