กรุงเทพฯ--22 ก.ค.--กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจราชการในจังหวัดพะเยา เพื่อติดตามแนวทางการพัฒนาพื้นที่กว๊านพะเยา รวมทั้งตรวจสถานการณ์ภัยแล้ง โดยเดินทางเข้าสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซึ่งมีประชาชนชาวจังหวัดพะเยาให้การต้อนรับ พร้อมมอบดอกไม้เพื่อเป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ จากนั้นเป็นประธานการประชุมเพื่อมอบนโยบายการดำเนินงานแก่หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา นายจีรเดช ศรีวิราช ส.ส.พะเยา เขต 3 และนายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด เขต 1 อ.เมือง จ.พะเยา
ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า ปัญหาการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ จ.พะเยา ทั้ง 9 อำเภอ มีสถานการณ์คล้ายกับเขื่อนภูมิพล จ.ตาก และเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ คือมีน้ำเหลือน้อย โดยสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 3 แห่ง จังหวัดพะเยา (ณ วันที่ 19 กค. 62) 1.อ่างเก็บน้ำแม่ปืม ความจุ 50.32 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีน้ำ 13.85 ล้าน ลบ.ม. 2.อ่างเก็บน้ำแม่ต๋ำ ความจุ 37 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีน้ำ 14.2 ล้าน ลบ.ม. 3. อ่างเก็บน้ำแม่ใจ ความจุ 3 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีน้ำ 1.43 ล้าน ลบ.ม. และ 4.กว๊านพะเยา ความจุ 33.8 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีน้ำ 9.34 ล้าน ลบ.ม. หากไม่มีฝนตกเพิ่ม จะสามารถใช้น้ำอุปโภค-บริโภคได้อีกประมาณ 4 เดือน ในส่วนของอ่างเก็บน้ำทั้งหมด 60 แห่ง ปริมาณน้ำกักเก็บรวม 141 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีน้ำ 50.19 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 35.49% และมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนปริมาณฝนตกสะสม อ.เมือง จ.พะเยา ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2562 ถึงปัจจุบัน 193 มม. จากเดิม 600-700 มิลลิเมตร ซึ่งน้อยกว่าค่าเฉลี่ยมาก โดยพื้นที่ อ.ดอกคำใต้ ได้รับความเสียหายมากที่สุด ซึ่งได้ประสานกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ในการขุดเจาะบ่อบาดาล ในพื้นที่ทั้ง 9 อำเภอ เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งด้วยแล้ว นอกจากนี้ได้สั่งการให้เกษตรอำเภอสำรวจความเสียหาย และรายงานให้ทราบในทันที
นายธรรมนัส กล่าวถึงการพัฒนาพื้นที่กว๊านพะเยา ว่า กว๊านพะเยาถือเป็นแหล่งน้ำที่ใหญ่ที่สุดใน จ.พะเยา แต่ไม่สามารถพัฒนาปรับปรุงได้ เนื่องจากที่ผ่านมาติดขัดเรื่องกฎหมาย เช่น การขุดลอก เป็นต้น จึงเป็นอุปสรรคในการพัฒนาพื้นที่ทำให้เกิดน้ำตื้นเขิน อีกทั้งปัญหาการบุกรุกของกลุ่มนายทุนที่ต้องแก้ไขให้เกิดเป็นรูปธรรม จึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เร่งจัดตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการกว๊านพะเยา โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เป็นประธาน ประกอบด้วยทุกภาคส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมประมง กรมธนารักษ์ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และภาคเอกชน ซึ่งภายในอาทิตย์หน้าต้องจัดตั้งคณะกรรมการชุดนี้ให้แล้วเสร็จ โดยมีหลักสำคัญคือการขับเคลื่อนการพัฒนาในเรื่องการประมง การท่องเที่ยว การพัฒนาโบราณสถานที่จมน้ำ 13 วัด เพื่อพัฒนาเป็นพะเยาโมเดล
นอกจากนี้ได้สั่งการให้กรมชลประทานสำรวจอ่างเก็บน้ำเก่าที่ตื้นเขินไม่ได้ใช้ประโยชน์ทั้งหมด และรายงานให้ทราบภายในสัปดาห์หน้า เพื่อขุดลอกตรียมรองรับน้ำฝน จากการทำฝนหลวง ซึ่งขณะนี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการ 3 เหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว ภายในอาทิตย์นี้จะมีการปฏิบัติการอย่างเป็นรูปธรรม ขอให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ไม่ต้องวิตกเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา
จากนั้นเดินทางไปสักการะอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง และพบปะประชาชนในพื้นที่ จ.พะเยา ที่เดินทางมาต้อนรับและมอบดอกไม้ให้กำลังใจการปฏิบัติหน้าที่ จำนวนกว่า 1,000 คน และร่วมกันปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ จำนวน 150,000 ตัว ได้แก่ ปลาสร้อยขาว ปลาตะเพียนขาว ปลาเทพา ฯลฯ ลงสู่กว๊านพะเยา
พัฒนากว๊านพะเยา : ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจราชการในจังหวัดพะเยา เพื่อติดตามแนวทางการพัฒนาพื้นที่กว๊านพะเยา ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด เขต 1 อ.เมือง จ.พะเยา โดยเดินทางเข้าสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซึ่งมีประชาชนชาวจังหวัดพะเยาให้การต้อนรับ พร้อมมอบดอกไม้เพื่อเป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ จากนั้นเป็นประธานการประชุมเพื่อมอบนโยบายการดำเนินงานแก่หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา และนายจีรเดช ศรีวิราช ส.ส.พะเยา เขต 3 และนายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง ก่อนเดินทางไปยังบริเวณหน้าอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง พบปะประชาชนในพื้นที่ จ.พะเยา กว่า 1,000 คน และร่วมปล่อยพันธ์สัตว์น้ำและปรับปรุงคุณภาพน้ำโดยใช้จุลินทรีย์ ปม.1