กรุงเทพฯ--22 ก.ค.--ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น
SUPER เฮ! โรดโชว์กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน"SUPEREIF" มูลค่า 8,150 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อย - สถาบันในประเทศ ตอบรับดีเกินคาด ชูศักยภาพกองทุนโตโดดเด่น มีรายได้จากการขายไฟฟ้าต่อเนื่อง อัตราผลตอบแทนสูงเฉลี่ย 7% ต่อปี - ยกเว้นภาษีรายได้จากเงินปันผล 10 ปีแรก คาดเสนอขาย 22-26 ก.ค. 62 และ30-31 ก.ค.นี้ เข้าเทรดตลาดหลักทรัพย์ปลายเดือน ส.ค. นี้ บิ๊กบอส "จอมทรัพย์ โลจายะ" เผยเตรียมนำเงินไปชำระหนี้ลดต้นทุนทางการเงิน-รองรับแผนขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าทั้งใน และต่างประเทศหนุนเติบโตระยะยาว ด้านกองทุนบัวหลวง ระบุกระแสตอบรับจากนักลงทุนคึกคัก เหตุลงทุนในสิทธิในการรับโอนรายได้สุทธิจากกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่สร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่แน่นอนและมั่นคง
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ตอบรับคำยื่นเอกสารคำขอจัดตั้งและจัดการ (ไฟลิ่ง) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (Super Energy Power Plant Infrastructure Fund หรือ "SUPEREIF" ) มูลค่าไม่ต่ำกว่า 8,150 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อย เมื่อวันที่ 9 กรกฏาคม 2562 โดยคาดจะสามารถเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนดังกล่าวได้ ระหว่างวันที่ 22 – 26 กรกฎาคม 2562 และวันที่ 30 -31 กรกฎาคม 2562 โดยขายผ่านธนาคารกรุงเทพ ทุกสาขาทั่วประเทศยกเว้นสาขาไมโคร ซึ่งมีช่วงราคาเสนอขายอยู่ที่ 10.00 บาท/หน่วย และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ได้ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้
ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม(บลจ.) บัวหลวง จำกัด ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี ได้มีการนำเสนอข้อมูล(โรดโชว์) กับนักลงทุนสถาบันในประเทศ 10-15 กองทุน และนักลงทุนรายย่อยไปแล้วได้รับความสนใจ เนื่องจากเป็นกองทุนที่มีแนวโน้มเติบโตที่ดี โดยเฉพาะรายได้จากการขายไฟฟ้าเข้ามาต่อเนื่อง จึงมีความน่าสนใจในการลงทุนระยะยาว
"ผลตอบรับจากการโรดโชว์ครั้งนี้ พบว่า กองทุน SUPEREIF เป็นที่ชื่นชอบของนักลงทุนเป็นอย่างมาก และได้สอบถามข้อมูล รายละเอียดของสินทรัพย์ของกองทุนในโครงการโซลาร์ฟาร์ม ขนาดกำลังการผลิต 118 เมกะวัตต์ และมีจุดเด่น คือ มีรายได้จากการขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) มีการผูกสัญญาระยะยาว 25 ปี ทำให้มีรายได้ที่ชัดเจนและแน่นอนต่อเนื่อง สิ่งที่สำคัญสำหรับนักลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดา ยังได้รับสิทธิพิเศษในการยกเว้นภาษีรายได้ จากเงินปันผลช่วง 10 ปีแรก ขณะที่ผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยต่อปีสูงถึง 7.49 % ดังนั้นเชื่อว่ากองทุนดังกล่าวจะเป็นทางเลือกของการลงทุนที่ดีมีความมั่นคง ให้ผลตอบแทนระดับสูงสม่ำเสมอ " นายจอมทรัพย์กล่าว
สำหรับเงินที่ได้รับจากการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว SUPER มีแผนที่จะนำไปใช้สำหรับการชำระหนี้สถาบันการเงิน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยจ่ายประมาณ 3- 4 พันล้านบาท และรองรับการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้า ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อผลักดันธุรกิจเติบโตต่อไปในอนาคต
ด้านนายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (กองทุนบัวหลวง) เปิดเผยว่า กระแสการตอบรับของนักลงทุนที่ให้ความสนใจ อีกทั้งสอบถามข้อมูลของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี หรือ SUPEREIF เข้ามาผ่านช่องทางต่างๆ ของทั้งกองทุนบัวหลวง และธนาคารกรุงเทพ ในช่วงที่ผ่านมาคึกคักมาก เนื่องจาก SUPER เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ กว่า 700 เมกะวัตต์ และเป็นบริษัทแม่ของผู้ขายทรัพย์สินกลับเข้ามาทำหน้าที่ดูแลสินทรัพย์อีกด้วย นอกจากนี้ SUPER ยังตกลงที่จะถือหน่วยลงทุนในกองทุนนี้ในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 20% ของจำนวนหน่วยลงทุนทั้งหมดในช่วงระยะเวลา 12 ปีแรก ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนอีกชั้นหนึ่งด้วย
"การลงทุนใน SUPEREIF เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนที่มองหาสินทรัพย์ทางเลือก ซึ่งมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ อีกทั้งความเสี่ยงไม่สูงมากเหมือนกับการลงทุนในหุ้นทั่วไป ดังนั้น นักลงทุนควรที่จะมี SUPEREIF อยู่ในพอร์ตลงทุนของตนเอง เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยง เพราะธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานมีความเสี่ยงค่อนข้างน้อย และมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ" นายพีรพงศ์ กล่าวในที่สุด