กรุงเทพฯ--23 ก.ค.--เอเชียไลฟ์ มีเดีย
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า...ในโลกนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมหัศจรรย์มากมายที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ หรือรู้แต่ยังไม่เคยไป "ภูเขาไฟ" ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่และสวยงามจนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวผู้รักการผจญภัย และอยากไปสัมผัสความตื่นเต้นและท้าทาย หากจะเอ่ยถึงภูเขาไฟที่นักท่องเที่ยวขาลุยพูดถึงกันมากขึ้นเรื่อยๆ ภูเขาไฟโบรโม่ (Bromo) และ ภูเขาไฟคาวาอีเจี้ยน (Kawah Ijeh) ในประเทศอินโดนีเซีย ก็ติดอันดับหนึ่งในลิสต์ที่ห้ามพลาดและควรค่าแก่การไปสัมผัสให้เห็นกับตาสักครั้งในชีวิต รับรองว่าสิ่งที่ได้กลับมา คุณจะได้มากกว่าแรงบันดาลใจและประสบการณ์ดีๆ แน่นอน
วิวอลัง ดาวล้านดวง
จุดนี้เป็นจุดแรกไม่ว่าใครที่มาโบรโม่ก็ต้องห้ามพลาด จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่ภูเขาพานันจากัน (Mount Penanjakan) เป็น Top View ที่ความสูง 2,700 เมตรจากระดับน้ำทะเล ที่นี่นอกจากจะเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ช่วงฟ้ามืดสนิทก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ยังจะได้ฟินกับภาพบรรยากาศทางช้างเผือกพาดผ่านบนท้องฟ้า ระยิบระยับไปด้วยดาวดวงเล็กดวงน้อยหลายล้านดวง ตระการตาแบบสุดๆ และเมื่อแสงทองจากดวงอาทิตย์ค่อยๆ ส่องสว่าง ภาพที่ทำให้ตะลึงตรงหน้าคือการรวมตัวของกลุ่มภูเขาไฟที่ตั้งตระง่านแบบพาโนรามาทั้ง ภูเขาไฟบาต็อก (Batok) ภูเขาไฟ เซเมรู (Semeru) และพระเอกของเราคือ ภูเขาไฟโบรโม่ (Bromo) ที่โชว์ความสง่างามอลังการ ให้นักท่องเที่ยวได้ดื่มด่ำคุ้มค่ากับการเดินทางเป็นที่สุด
ดินแดนแห่งความลึกลับ Sea of Sand
จากจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น นั่งรถจี๊ปมาสักพักก็จะถึง ทะเลทรายสีดำ ซึ่งเกิดจากการทับถมของเถ้าถ่านและฝุ่นผงที่ แผ่กระจายล้อมรอบ จากการระเบิดของภูเขาไฟโบรโม่และภูเขาไฟบาต็อกที่ตั้งอยู่ติดกัน โดยระหว่างทางเดินไปยังตีนเขากว่า 2 กม. จะมีหมอกปกคลุมจนแทบมองไม่เห็นทาง ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าสู่ดินแดนลึกลับของภูเขาไฟโบรโม่ ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู ยิ่งทำให้ทะเลทรายแห่งนี้มีเสน่ห์แปลกตา และดูน่าค้นหามากขึ้นไปอีก
ภูเขาไฟโบรโม่...ลมหายยังที่ยังอยู่
ภูเขาไฟโบรโม่ (Mount Bromo) ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติโบรโมเทงเกอร์เซเมรู (Bromo Tengger Semeru Natioanl Park) มีความสูง 2,329 เมตร และด้วยเหตุที่เป็นภูเขาไฟที่ยังดับไม่สนิท ยังคงมีการปะทุและมีควันพวยพุ่งขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา พร้อมเสียงคำรามที่ดูน่ากลัว ชาวอินโดนีเซียจึงเปรียบภูเขาไฟแห่งนี้ว่าเป็น "ลมหายใจของเทพเจ้า" ถ้ามาถึงโบรโม่ อีกอย่างที่ควรลองคือ การขี่ม้าที่มีแบคกราวด์เป็นวิวสวยๆ คูลๆ สุดอลังที่หาที่ไหนไม่ได้แล้ว ภูเขาไฟแห่งนี้เต็มไปด้วยความน่าตื่นตาตื่นใจและน่าเกรงขาม เหมือนดั่งเสียงคำรามที่ดังก้องออกมาจากปล่องภูเขาไฟ มองจากข้างล่างยังน่าตื่นเต้นขนาดนี้ ถ้าได้ขึ้นไปเห็นด้านบนมันจะสุดยอดขนาดไหน ลองหาโอกาสมาสัมผัสกันให้ได้นะ
ที่สุด กับ คาวาอีเจี้ยน KAWAH IJEN
ถ้าโบรโม่ มีเสน่ห์ ยิ่งใหญ่อลังการน่าค้นหา คาวาอีเจี้ยน ก็คือที่สุดของความงดงาม น่าทึ่ง และท้าทายกับความมหัศจรรย์ของปรากฏการณ์ เปลวไฟสีน้ำเงิน (Blue Fire) ซึ่งสามารถมองเห็นได้เฉพาะในเวลากลางคืนเท่านั้น ที่ต้องให้นิยามคำว่า "ที่สุด" กับภูเขาไฟคาวาอีเจี้ยนแห่งนี้ เพราะนอกจาก Blue Fire ที่เป็นสุดยอดความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติแล้ว ที่นี่ยังเป็นเหมืองกำมะถันที่อันตรายที่สุด และมีทะเลสาบสีเขียวมรกตขนาดใหญ่ (SULFER LAKE) ที่มีความเป็นกรดสูงที่สุดในโลกอีกดัวย ฟังแล้วอย่างเพิ่งถอดใจจากภูเขาไฟคาวาอิเจี้ยนเด็ดขาด เพราะคุณจะพลาดโอกาสเห็นสิ่งสวยงามที่หาชมได้ยาก และน่าประทับใจจนไม่อาจลืมเลยก็ได้
การได้สัมผัสใกล้ๆ Blue Fire แม้จะเป็นความสวยงามน่ามหัศจรรย์ ชวนให้หลงไหล แต่ก็ยังแฝงด้วยอันตราย จากควันที่เกิดการจากเผาไหม้ของกำมะถันปริมาณที่สูงมาก ลอยคละคลุ้งจนอาจทำให้แสบตาแสบจมูก ดังนั้นการ สวมอุปกรณ์ป้องกันจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากสำหรับการมาดูเจ้าเปลวไฟสีน้ำเงินแห่งนี้
ทะเลสาบสีเขียวมรกต
อีกจุดที่เป็นไฮไลท์ต้องรอชมใกล้เวลารุ่งสาง เมื่อพระอาทิตย์ค่อยๆ เริ่มส่องแสงสว่างยามเช้า เปลวไฟสีน้ำเงินค่อยๆ หายไป ฉากหลังก็ปรากฎเป็นภาพของทะเลสาบสีเขียวมรกตขนาดใหญ่ เหมือนเราได้ก้าวเข้ามาอยู่ในโลกใต้พิภพยังไงอย่างนั้น เป็นความงดงามสุดแสนประทับใจจนอยากจะหยุดเวลาเอาไว้ที่นี่
ฉายาทองคำของปีศาจ
ความสวยงามที่เราเห็นอยู่เบื้องหน้า ใครจะรู้ว่าภายใต้ภูเขาไฟแห่งนี้กลับกลายเป็นแหล่งสร้างเงินสร้างอาชีพของชาวบ้าน ด้วยการขุดเจาะกำมะถันและแบกลำเลียงออกไปขาย ซึ่งน้ำหนักแต่ละรอบที่ขนก็ไม่น้อยกว่า 70-80 กิโลกรัม เห็นแล้วก็อดตะลึงไม่ได้ว่าแบกขึ้น-ลงกันได้ยังไง คงเหมือนกับที่เขาว่ากันว่า ที่อันตรายที่สุดก็อาจเป็นที่ๆ คุ้มค่าที่จะเสี่ยงเพื่อเลี้ยงชีพของชาวบ้านแถบนี้ก็ได้ สมกับการได้รับฉายา "ทองคำของปีศาจ"
ธรรมชาติแห่งขุนเขา
จุดนี้ถ้าใครได้มาเยื่อนภูเขาไฟคาวาอิเจี้ยนแล้วไม่อยากลงไปดูเปลวเพลิงสีน้ำเงินหรือทะเลสาบสีเขียวมรกตใกล้ๆ ล่ะก็สามารถยืนชมและถ่ายรูปจากด้านบนของปล่องภูเขาไฟก็ได้ ด้านบนบรรยากาศดี ล้อมรอบด้วยภูเขาที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกและต้นไม้เขียวขจี ให้ความเป็นธรรมชาติสุดๆ และตอนขึ้นมาใครไม่ได้นั่ง "แท็กซี่" บริการลากรถ แนะนำว่าให้ลองนั่งขาลงดู สนุกกว่าขาขึ้นเยอะเลย
แม้การมาภูเขาไฟโบโม่ – คาวาอิเจี้ยน ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากและลำบากจนเกินไปนัก การได้มาพิชิตปล่องภูเขาไฟ ก็เป็นอะไรที่ท้าทาย สนุก ตื่นเต้น เหมาะจะเป็น mission ครั้งหนึ่งในชีวิต สุดท้ายแล้วเราจะรู้ว่าประสบการณ์จากการเดินทาง อาจสร้างคุณค่าให้มากกว่าที่คิดก็ได้