กรุงเทพฯ--13 ก.พ.--กปส.
กรุงเทพมหานคร ร่วมกับกรมราชทัณฑ์ ลงนามส่งมอบพื้นที่ และอาคารแดน 13 เพื่อปรับปรุงเป็นสถานที่ควบคุมตัวระหว่างการตรวจพิสูจน์ในเรือนจำกลางคลองเปรม รองรับผู้ถูกบังคับบำบัดได้ถึง 800-1,000 คน หวังลดความแออัดและดูแลผู้เสพเตรียมพร้อมเข้ารับการบำบัดฟื้นฟูได้ทั่วถึงและมีคุณภาพชีวิตที่ดี
เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมเรือนจำกลางคลองเปรม นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ร่วมลงนามส่งมอบพื้นที่และอาคารแดน 13 ให้แก่บริษัท เวิลด์ เดสคอน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ชนะการประกวดราคาเพื่อไปดำเนินการปรับปรุงพื้นที่เป็นสถานที่ควบคุมตัวระหว่างการตรวจพิสูจน์ผู้เสพ / ติดยาเสพติด โดยการปรับปรุงดังกล่าวกรุงเทพมหานครได้สนับสนุนงบประมาณ จำนวน 22.345 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาความแออัดและดูแลผู้เสพที่เตรียมเข้ารับการบำบัดฟื้นฟูอย่างทั่วถึง และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้ถูกคุมขัง
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดกรุงเทพมหานคร (ศตส.กทม.) เปิดเผยว่า กทม.ได้จัดสรรงบเบิกจ่ายเป็นกรณีพิเศษจากงบกลาง (กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามพ.ร.บ.ระเบียบราชการกทม.) จำนวนดังกล่าว เพื่อใช้ในการแก้ปัญหาความแออัด ไม่พอเพียงของสถานที่ควบคุมตัวระหว่างการตรวจพิสูจน์ผู้เสพ/ติดยาเสพติดที่ถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2545 ทั้งนี้ จากดำเนินการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดในระบบบังคับบำบัดมาเป็นเวลากว่า 3 ปี พบว่าในกรุงเทพ ฯมีผู้เสพมากเป็นร้อยละ 30 ของผู้เสพทั้งประเทศ ในขณะที่ปัจจุบันมีสถานที่ควบคุมตัวระหว่างการตรวจพิสูจน์ เพียง 3 แห่งเท่านั้น คือ เรือนจำกลางคลองเปรม เรือนจำพิเศษมีนบุรี และสถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานี โดยเฉพาะสถานที่ควบคุมตัวฯ เรือนจำกลางคลองเปรมสามารถรองรับผู้ที่ถูกควบคุมและรอการตรวจพิสูจน์ได้ 200 คน แต่สภาพความเป็นจริงต้องรองรับผู้ที่ถูกควบคุมและรอการตรวจพิสูจน์ ถึง 600 คน ทำให้เกิดความแออัด ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ เนื่องจากไม่ได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงและเหมาะสมเท่าที่ควร
กรุงเทพมหานคร จึงร่วมกับกรมคุมประพฤติหาแนวทางในการแก้ปัญหาดังกล่าว โดยจัดหาสถานที่รองรับเพิ่ม ซึ่งกรมราชทัณฑ์ได้เสนอให้ปรับปรุงทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ (เดิม) ที่ไม่ได้ใช้การแล้ว มีเนื้อที่ 14 ไร่ เป็นสถานที่ควบคุมตัวระหว่างการตรวจพิสูจน์ มีเรือนนอนคอนกรีต 3 ชั้น 2 หลัง สามารถรองรับผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ ได้ ประมาณ 800 — 1,000 คน อีกทั้งมีส่วนประกอบที่เอื้ออำนวยต่อการปฏิบัติงาน เช่น โรงเลี้ยงอาหาร โรงครัว ที่อาบน้ำ ลานอเนกประสงค์ อาคารที่ทำการ โรงฝึกวิชาชีพ เป็นต้น โดยจะใช้เวลาในการปรับปรุงประมาณ 10 เดือน เมื่อปรับปรุงแล้วเสร็จจะทำให้มีสถานที่ควบคุมตัวผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ให้เหมาะสมกับปริมาณผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ในกรุงเทพฯ และช่วยลดความแออัด ทำให้สามารถดูแลผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ได้อย่างเหมาะสม เป็นการเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ อีกทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนการเข้ารับการบำบัดฟื้นฟู จะทำให้การฟื้นฟู ฯเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อันเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในกรุงเทพมหานครอย่างยั่งยืน เพราะกลไกสำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพติดได้อย่างถาวร คือการแก้ไขที่กลุ่มผู้เสพ