กรุงเทพฯ--25 ก.ค.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์
บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ประกาศย้ำกำชับมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการลักลอบขนส่งยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย ที่ผู้กระทำผิดอาจใช้เป็นช่องทางในการลักลอบฝากส่งผ่านเส้นทางไปรษณีย์ ชู 4 มาตรการป้องกันการลักลอบขนส่งยาเสพติด คือ 1.บันทึกหลักฐานของผู้ฝากส่งอย่างเคร่งครัด 2.เจ้าหน้าที่รับฝากตรวจสอบสิ่งของที่นำมาฝากส่งอย่างเข้มงวด 3.ติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ณ เคาน์เตอร์บริการรับฝาก/จุดบริการหุ้มห่อ ทุกที่ทำการไปรษณีย์ 4.กำชับให้ผู้ปฏิบัติงานเพิ่มความระมัดระวังในรับฝากสิ่งของ สร้างความเชื่อมั่นตัดวงจรลักลอบขนส่งผ่านเส้นทางไปรษณีย์ และพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างใกล้ชิด ในการขยายผลผู้กระทำความผิด
นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เปิดเผยว่า ไปรษณีย์ไทย ดำเนินมาตรการความปลอดภัยและป้องกันการฝากส่งยาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมายเข้าสู่เส้นทางไปรษณีย์ ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดมาโดยตลอด โดยพนักงานและลูกจ้างของไปรษณีย์ไทย จะต้องปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดอย่างเข้มงวด 4 ข้อ เพื่อมิให้ผู้กระทำผิดใช้ช่องทางดังกล่าวในการกระทำผิด ดังนี้
1. เจ้าหน้าที่รับฝากต้องบันทึกหลักฐานของผู้ฝากส่งอย่างเคร่งครัด โดย ปณท ได้ให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าว ได้ทำการติดตั้ง เครื่องอ่านบัตรประจำตัวประชาชน หรือหนังสือเดินทาง ในทุกที่ทำการไปรษณีย์ กว่า 1,474 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งเครื่องดังกล่าวฯ จะเก็บและบันทึกข้อมูลผู้ฝากส่งไว้ทั้งหมด พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่รับฝากต้องสังเกต และตรวจสอบพิจารณาใบหน้า รูปพรรณของผู้ฝากส่งว่าเป็นคนเดียวกันกับบัตรประจำตัวประชาชนที่ใช้ในการฝากส่งสิ่งของ เพื่อให้สามารถใช้เป็นแหล่งข้อมูลตั้งต้นสำหรับเจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยที่จะสืบหาเบาะแสของผู้กระทำผิดได้
2. เจ้าหน้าที่รับฝาก หรือเจ้าหน้าที่ให้บริการหุ้มห่อ ต้องตรวจสอบสิ่งของที่นำมาฝากส่งอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะสิ่งของที่ผู้ฝากส่งได้หุ้มห่อมาเรียบร้อยแล้ว หากเป็นสิ่งของทั่วไป เจ้าหน้าที่จะทำการประทับตรา "ตรวจสอบแล้ว" แต่หากพบว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ผู้ฝากส่งหรือผู้ฝากส่งแทนจะต้องถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายกำหนด อนึ่ง ไปรษณีย์ไทยจะปฏิเสธการฝากส่ง หรือ ห้ามส่งสิ่งเหล่านี้ ได้แก่ 1. สัตว์มีชีวิต 2. สิ่งเสพติด 3. สิ่งลามกอนาจาร 4. วัตถุระเบิดหรือวัตถุไวไฟ 5. วัตถุมีคมที่ไม่มีเครื่องหุ้มห่อป้องกัน 6. ธนบัตร 7. สิ่งของปลอมแปลงหรือลอกเลียนแบบโดยละเมิดลิขสิทธิ์
3. ติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ณ เคาน์เตอร์บริการรับฝาก/จุดบริการหุ้มห่อ และพื้นที่ภายนอกรอบอาคารที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่ง ที่สามารถเห็นและบันทึกใบหน้า/รูปพรรณของผู้ฝากส่ง พาหนะและทะเบียนรถ ไว้อย่างชัดเจน ที่สามารถนำมาใช้ในการตรวจสอบและเป็นหลักฐานในการติดตามและดำเนินคดี หากพบว่ามีการฝากส่งสิ่งของผิดกฎหมายเข้าสู่เส้นทางไปรษณีย์
4. กำชับให้ผู้ปฏิบัติงานเพิ่มความระมัดระวังในรับฝากสิ่งของ หากพบว่าผู้ฝากส่งรายใดมีพฤติกรรมน่าสงสัยให้สอบถามหรือแจ้งผู้ควบคุมงานเข้าตรวจสอบทันที
จากมาตรการดังกล่าว ไปรษณีย์ไทยคาดว่าจะสามารถสร้างความมั่นใจและเชื่อมั่นได้ว่า ไปรษณียภัณฑ์ทุกชิ้นที่ถูกส่งผ่านไปรษณีย์ไทยมีความปลอดภัย และไปรษณีย์ไทยมีการป้องกันการฝากส่งยาเสพติดและ/หรือสิ่งผิดกฎหมายเข้าสู่เส้นทางไปรษณีย์ ทั้งนี้ ผู้ที่ลักลอบขนส่งยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย ไปรษณีย์ไทยสามารถตรวจสอบไปยังตัวผู้ฝากส่งได้ ผ่านการตรวจสอบจากบัตรประชาชน การจ่าหน้าที่อยู่ ผู้ฝากส่ง ผู้รับ และหรือ ผู้ฝากแทน ตลอดจนกล้อง CCTV ที่บันทึกใบหน้า รูปพรรณสัณฐาน ตลอดจนยานพาหนะที่นำมาใช้งาน พร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างใกล้ชิด เพื่อขยายผลสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ THP Contact Center 1545 หรือเว็บไซต์ www.thailandpost.co.th