กรุงเทพฯ--25 ก.ค.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
บมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ GPI คาดภาพรวมการดำเนินงานครึ่งปีแรกใกล้เคียงปีก่อน หลังเศรษฐกิจยังเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปและบริษัทฯ ยังอยู่ในช่วงลงทุนขยายธุรกิจทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมถึงลงทุนในแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อรอการเก็บเกี่ยวผลกำไรในอนาคต ส่งผลให้ต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้น
ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ GPI ผู้นำสร้างสรรค์การจัดกิจกรรมให้บริการข่าวสาร ข้อมูล สาระ เพื่อสร้างประสบการณ์ และความบันเทิง ที่น่าประทับใจ ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ยานยนต์ เปิดเผยว่า จากภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ที่เติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป ประกอบกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ที่อยู่ในช่วงขยายการลงทุนเพื่อคาดหวังการเก็บเกี่ยวผลกำไรในอนาคต ส่งผลให้ภาพรวมการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วงครึ่งปีแรก คาดว่าจะทำได้ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทฯ มีนโยบายขยายการลงทุนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องและธุรกิจใหม่ เช่น การรุกแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ใหม่ที่จะผลักดันการเติบโตในอนาคต ดังนั้นในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้จึงทำให้บริษัทฯ มีต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้น โดยมีค่าเช่าพื้นที่เพื่อจัดงาน Bangkok International Motor Show 2019 สูงกว่าปีก่อนหลังจากอิมแพ็คขอปรับขึ้นค่าเช่าอาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ ประกอบกับมีค่าใช้จ่ายจากการจัดเอ็กซิบิชั่นและกิจกรรมในโอกาสครบรอบ 40 ปีงานมอเตอร์โชว์
ขณะเดียวกันบริษัทฯ อยู่ในช่วงการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจในไทยและต่างประเทศ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาเก็บเกี่ยวผลกำไรจากการลงทุน โดยในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทฯ ได้ขยายการลงทุนขยายธุรกิจจัดงานแสดงสินค้า ด้านยานยนต์ที่ประเทศเมียนมาร์ โดยจัดงานYangon International Motor Show 2019 ขึ้นเป็นครั้งแรก และมีค่าใช้จ่ายจากการรุกธุรกิจอีสปอร์ต รวมถึงการร่วมทุนกับพันธมิตรพัฒนาแอพพลิเคชั่น Car Buddy By GPI เพื่อเป็นช่องทางขยายธุรกิจด้านออนไลน์ต่อไปในอนาคต
"แม้ว่าภาพรวมการดำเนินงานในครึ่งปีแรกมีค่าใช้จ่ายจากการจัดเอ็กซิบิชั่นและกิจกรรมในโอกาสครบรอบ 40 ปีงานมอเตอร์โชว์ แต่รายได้ครึ่งปีหลังจากธุรกิจหลักอื่นๆ ได้แก่ ธุรกิจรับจ้างพิมพ์และธุรกิจรับจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดคาดว่าเติบโตดีในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากบริษัทฯ ได้ติดตั้งแท่นพิมพ์ใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงและสามารถขยายฐานลูกค้ารับงานพิมพ์บรรจุภัณฑ์ได้ รวมถึงผู้ประกอบการยานยนต์ค่ายต่างๆ ที่มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง" ดร.ปราจิน กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้าหมายรายได้ในปีนี้เติบโต 10% จากปีก่อนที่ทำได้ 731.65 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีหลังจะมุ่งเน้นการบริหารค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ และในขณะเดียวกันจะมองหาโอกาสสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ทั้งจากการลงทุนขยายธุรกิจเอง ร่วมทุนและเข้าซื้อกิจการ เพื่อสร้างการเติบโต โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างวางแผนขยายธุรกิจจัดงานแสดงสินค้าที่ไม่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์