กรุงเทพฯ--2 ส.ค.--แมสคอท คอมมิวนิเคชั่น
ปัญหาเรื่องพังผืดพบได้ค่อนข้างมากในผู้หญิง และไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ ควรรีบทำการรักษาโดยเร็ว การผ่าตัดผ่านกล้องขั้นสูง (Advanced Minimally Invasive Surgery หรือ Advanced MIS) เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีการผ่าตัดรักษาที่ช่วยให้คนไข้เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว แผลผ่าตัดเล็ก ลดผลกระทบต่ออวัยวะข้างเคียงไม่ให้บอบช้ำหรืออักเสบ ลดความเสี่ยงในการเกิดพังผืดซ้ำในร่างกาย
พญ.หยิงฉี หวัง สูติ-นรีแพทย์ผู้ชำนาญการผ่าตัดผ่านกล้อง โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า ปัญหาภายในของผู้หญิงถือเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงบางโรคยังก่อให้เกิดความทุกข์ทรมาน เป็นปัญหาเรื้อรังหากไม่รีบรักษา โรคภายในของผู้หญิงพบได้หลายโรค อาทิ โรคเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ คือ ภาวะที่เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตอยู่นอกโพรงมดลูกหรือแทรกในผนังหรือกล้ามเนื้อมดลูก รวมถึงอาจไปเติบโตตามอวัยวะต่างๆ เป็นต้น สาเหตุเกิดจากการไหลย้อนกลับของประจำเดือนเข้าไปในอุ้งเชิงกราน ผ่านท่อนำไข่และฝังตัวในโพรงมดลูกและมีโอกาสโตขึ้นได้โดยบริเวณที่พบบ่อยคืออุ้งเชิงกราน รังไข่ ท่อนำไข่ ผนังอุ้งเชิงกราน เป็นต้น และอีกโรคหนึ่งที่พบบ่อยเช่นกัน คือ พังผืดที่เกิดในบริเวณอุ้งเชิงกราน (Pelvic Adhesion) เป็นภาวะที่เกิดขึ้นบริเวณอวัยวะที่อยู่ในกระดูกอุ้งเชิงกราน พบมากบริเวณท่อนำไข่ ปีกมดลูก ด้านหลังมดลูก สามารถเกิดขึ้นได้จากการอักเสบ หรือเกิดการติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน นอกจากนี้ ยังเกิดขึ้นได้จากการผ่าตัดที่ทำให้เกิดแผลบริเวณมดลูกและผนังหน้าท้อง ส่งผลให้ร่างกายสร้างพังผืดขึ้น หากปล่อยทิ้งไว้ยิ่งทำให้ยากต่อการรักษาและส่งผลกระทบต่ออวัยวะอื่นที่อยู่ใกล้เคียง การรักษาโรคภายในของผู้หญิงในอดีตมีความยากในรักษา แต่ในปัจจุบันการผ่าตัดผ่านกล้องขั้นสูงด้วย (Advanced MIS) โดยทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ อาการของคนไข้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคที่เกิดขึ้นในแต่ละบุคคล เช่น อาการปวดรัด ปวดตื้อ ปวดจี๊ดบริเวณท้องน้อย หรือปวดท้องน้อยบ่อยจนเรื้อรัง ปวดประจำเดือนมากๆ ท้องผูก ปัสสาวะบ่อยหรือกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ปวดหลังจนอาจร้าวไปที่ขาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง การมีพังผืดในอุ้งเชิงกรานจะส่งผลให้มีบุตรยากและรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน การตรวจวินิจฉัยสามารถทำได้โดย อันดับแรกก่อนเข้ารับการรักษาคนไข้จะถูกซักประวัติโดยละเอียดจากสูติ-นรีแพทย์ รวมถึงอาการปวดท้อง อาการปวดประจำเดือน การมีบุตร ตามด้วยการเข้ารับการตรวจภายใน ต่อด้วยการตรวจอัลตราซาวนด์ เพื่อช่วยให้สูติ-นรีแพทย์เห็นภาพรอยโรคได้อย่างชัดเจนทุกรายละเอียด และการตรวจเอกซเรย์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (หรือ MRI) หากไม่สามารถตรวจด้วยวิธีอื่น การรักษาพังผืดในผู้หญิงขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงที่เกิดขึ้น มีทั้งการใช้ยาแก้ปวดกลุ่มที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบแบบไม่มีสเตียรอยด์ เพื่อลดอาการปวดประจำเดือนและปวดท้องน้อย การใช้ฮอร์โมนบำบัด ทั้งยาเม็ดคุมกำเนิด ยาฉีดคุมกำเนิด เพื่อลดการมีเลือดประจำเดือนมากหรือปวดประจำเดือน ซึ่งหากรักษาด้วยยา ทั้งยากินและยาฉีดเกิน 1 ปีแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น วิธีการรักษา คือ การผ่าตัดผ่านกล้องขั้นสูง (Advanced Minimally Invasive Surgery) เคสตัวอย่าง คนไข้เพศหญิงอยากมีบุตร แต่มีบุตรยากเนื่องจากปัญหาภายในเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ประกอบกับเกิดพังผืดไปติดกับลำไส้ ทำให้คนไข้มีอาการปวดท้อง และไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลากว่า 8 เดือน ก่อนหน้านั้นเคยมีแต่เจ็บมาก รับประทานยามาสักระยะ รวมถึงฉีดยาแล้วแต่อาการไม่ดีขึ้นและมีอาการมานานกว่า 1 ปี แพทย์พิจารณาแล้วเห็นว่าคนไข้ควรเข้ารับรักษาด้วยการผ่าตัดผ่านกล้องขั้นสูง (Advanced MIS) ปรากฎผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจ หลังการรักษาอาการเจ็บปวดหายไปและคนไข้สามารถตั้งครรภ์ได้เป็นปกติ
ทั้งนี้ พังผืดในผู้หญิงถือเป็นการรักษาที่มีความซับซ้อน ความยากของพังผืดคือ เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะไปติดกับอวัยวะอื่นด้วย การเลาะพังผืดต้องมีความระมัดระวังอย่างมากเพื่อที่จะไม่ให้ไปโดนอวัยวะอื่น อันจะส่งผลทำให้เกิดพังผืดขึ้นมาได้อีก เทคโนโลยีการผ่าตัดที่ช่วยตอบโจทย์การรักษาเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเปิดหน้าท้อง คือ การผ่าตัดผ่านกล้องขั้นสูง (Advanced MIS) ด้วยความชำนาญของทีมแพทย์ผ่าตัดผ่านกล้อง ประกอบกับเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่ใช้ในการผ่าตัดผ่านกล้องแผลเล็ก 3 มิติ ทำให้เห็นภาพชัดเจนระดับ Full HD อีกทั้ง ยังมีเทคโนโลยี 4K Ultra High Definition ที่แสดงผลด้วยความคมชัดสูง ช่วยให้เห็นภาพชัดเจนขณะผ่าตัด ลดภาวะแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้น ลดความเสี่ยงจากการที่พังผืดไปติดกับอวัยวะอื่นๆ ได้ด้วย ซึ่งแผลจะมีประมาณ 3 - 4 แผล มีขนาดเล็ก 5 - 10 มิลลิเมตร ช่วยให้คนไข้ฟื้นตัวได้เร็วใน 1 - 2 วัน อาการปวดที่เคยเป็นก็ดีขึ้น กลับมาใช้ชีวิตตามปกติภายใน 1 สัปดาห์
แม้พังผืดในผู้หญิงจะมีความซับซ้อนและความยากในการรักษา แต่ก็สามารถรักษาให้หายได้ด้วยการผ่าตัดผ่านกล้องขั้นสูง ด้วยทีมแพทย์ที่มีความชำนาญ สิ่งสำคัญคือ การหมั่นสังเกตความผิดปกติของตนเอง ใส่ใจตรวจสุขภาพภายในเป็นประจำทุกปี เพื่อจะได้ทำการรักษาได้ทันท่วงที เพราะหากปล่อยไว้นานอาจทำให้อาการรุนแรงและส่งผลเสียต่อสุขภาพคุณผู้หญิงได้ในระยะยาว