กรุงเทพฯ--5 ส.ค.--สำนักวิจัยซูเปอร์โพล
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง พรรคการเมืองใด ใครทำตามสัญญา กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,074 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) เก็บข้อมูลวันที่ 1 – 3 ส.ค. พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา
เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่กำลังเริ่มทำตามนโยบายที่เคยหาเสียงไว้กับประชาชน พบว่า อันดับแรก หรือ ร้อยละ 40.7 ระบุ พรรคภูมิใจไทย เรื่อง กัญชาทางการแพทย์ และยกระดับ อสม. รองลงมาคือ ร้อยละ 33.3 ระบุ พรรคพลังประชารัฐ เรื่อง ลดค่าครองชีพ เพิ่มรายได้ ร้อยละ 24.1 ระบุ พรรคประชาธิปัตย์ เรื่อง ลดค่าครองชีพ เพิ่มรายได้เช่นกัน ร้อยละ 7.4 ระบุ พรรครวมพลังประชาชาติไทย เรื่อง แรงงาน ในขณะที่ร้อยละ 11.0 ระบุพรรคอื่นๆ เช่น พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา และพรรคอนาคตใหม่ เป็นต้น
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวต่อว่า ที่น่าสนใจ คือ เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นของประชาชนเพิ่มขึ้น หรือ ลดลง หลังรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แถลงนโยบายต่อรัฐสภา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 62.9 เชื่อมั่นเหมือนเดิม ถึง เพิ่มขึ้นมากที่สุด ในขณะที่ร้อยละ 37.1 เชื่อมั่นลดลง ถึง ไม่เชื่อมั่นเลย
ที่น่าพิจารณาคือ เกินครึ่งหรือร้อยละ 51.9 ระบุให้ระยะเวลารัฐบาลทำงาน 4 ปี เพื่อแก้เศรษฐกิจและเพิ่มเงินในกระเป๋าของประชาชน ในขณะที่ ร้อยละ 48.1 ระบุไม่ถึง 4 ปี นอกจากนี้ เมื่อถามถึง องค์กรอิสระที่ประชาชนเชื่อมั่นทำประเทศชาติพ้นความขัดแย้ง พบว่า อันดับแรกหรือร้อยละ 26.4 ระบุ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) รองลงมาคือ ร้อยละ 24.3 ระบุ ศาลรัฐธรรมนูญ ร้อยละ 14.3 ระบุ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ร้อยละ 9.2 ระบุ ศาลปกติในกระบวนการยุติธรรม และร้อยละ 4.0 ระบุศาลปกครอง และร้อยละ 21.8 ระบุอื่น ๆ เช่น ผู้ตรวจการแผ่นดิน ผู้ตรวจเงินแผ่นดิน และ อัยการ เป็นต้น
"ผลสำรวจนี้ชี้ให้เห็นว่า พรรคการเมืองที่ประชาชนได้รับรู้ว่าเป็นพรรคการเมืองที่กำลังเริ่มทำตามนโยบายที่เคยหาเสียงไว้กับประชาชนอันดับแรกและรองๆ ลงไป ได้แก่ พรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐและพรรคประชาธิปัตย์ โดยพบด้วยว่าความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เชื่อมั่นเหมือนเดิมถึงเพิ่มขึ้นมากที่สุดและเกินครึ่งที่ให้เวลาในการทำงานถึง 4 ปีในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและเพิ่มเงินในกระเป๋าของประชาชน นอกจากนี้ เสียงของประชาชนเรื่องระยะเวลาทำงานของรัฐบาลสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนต้องการทำให้ "การเมืองนิ่ง" และให้โอกาสรัฐบาลทำงานจนครบวาระถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองจากปัญหาทุจริตคอรัปชั่นเสียก่อน เพราะข้อมูลโพลล่าสุดพบว่าประชาชนกว่าร้อยละ 60 ไม่ยอมรับรัฐบาลโกงโดยเด็ดขาดถึงแม้ตนเองจะได้รับส่วนแบ่งก็ตาม" ผศ.ดร.นพดล กล่าว