กรุงเทพฯ--5 ส.ค.--เอบีเอ็ม คอนเนค
จากการที่สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ได้ทำการเปรียบเทียบปรับ บริษัท เอ็ม-150 จำกัด เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2562 นั้น บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) ("บริษัทฯ") ขอชี้แจงว่า บริษัท เอ็ม-150 จำกัด ได้หยุดประกอบกิจการมาตั้งแต่ปี 2558 และขณะนี้อยู่ระหว่างการชำระบัญชีเพื่อเลิกบริษัท ซึ่งการเลิกบริษัทดังกล่าว เป็นผลจากการปรับโครงสร้างองค์กรของกลุ่มบริษัทโอสถสภาเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มีการเปิดเผยข้อมูลกรณีดังกล่าวในหนังสือชี้ชวนของบริษัทฯ ซึ่งได้ยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่ก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมทั้งได้ระบุไว้ในแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี (56-1)
สำหรับกรณีดังกล่าว บริษัทฯ ขอชี้แจงเพิ่มเติมว่า เมื่อปี 2555 บริษัท เอ็ม-150 จำกัด ได้รับแจ้งจากคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ("คณะกรรมการฯ") จากกรณีที่คณะกรรมการฯ ได้รับข้อร้องเรียนว่า บริษัท เอ็ม-150 จำกัด กระทำการขัดต่อพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2542 (ซึ่งปัจจุบันได้ถูกยกเลิกแล้วโดยกฎหมายฉบับใหม่) ซึ่งบริษัท เอ็ม-150 จำกัด ได้ให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการฯ ในการสอบสวนมาโดยตลอด จนกระทั่งเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2560 พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 (ซึ่งเป็นกฎหมายฉบับใหม่) มีผลใช้บังคับ โดยให้อำนาจคณะกรรมการฯ ตามพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 ในการเปรียบเทียบปรับเพื่อยุติคดีได้ บริษัท เอ็ม-150 จำกัด จึงได้ยินยอมให้เปรียบเทียบปรับเพื่อให้คดีสิ้นสุด ทั้งนี้เพื่อให้บริษัท เอ็ม-150 จำกัด สามารถดำเนินการชำระบัญชีให้แล้วเสร็จและเลิกบริษัทให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป โดยบริษัทฯ ได้ทำการเปรียบเทียบปรับเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งการเปรียบเทียบปรับดังกล่าวเป็นการกระทำภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายฉบับใหม่ที่ให้คณะกรรมการฯ เป็นผู้มีอำนาจพิจารณาเปรียบเทียบปรับและเมื่อมีการเปรียบเทียบปรับแล้วมีผลให้คดีอาญาเลิกกัน
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวข้างต้นมิได้มีความเกี่ยวข้องหรือมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของโอสถสภา หรือแบรนด์ เอ็ม-150 แต่อย่างใด เนื่องจากบริษัท เอ็ม-150 จำกัด ได้หยุดประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 ก่อนที่บริษัทฯ จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
จากกรณีดังกล่าว บริษัทฯ พร้อมปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ตลอดจนได้กำหนดแนวทางในการบริหารจัดการการจำหน่ายสินค้าให้รัดกุม ถูกต้อง เป็นธรรม และมีประสิทธิภาพต่อไป