กรุงเทพฯ--6 ส.ค.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์
เป็นกระแสโด่งดังไม่น้อยกับ "มาเรียมฟีเวอร์" จากกรณีลูกพะยูนน้อย พลัดหลงแม่ บริเวณเกาะลิบง จ.ตรัง ที่นอกจากความน่ารัก และพฤติกรรมสุดขี้อ้อน จนกลายเป็นที่ชื่นชมและครองใจชาวโซเชียลแล้ว ยังช่วยปลุกกระแสการอนุรักษ์ให้กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง
จากผลสำรวจปริมาณขยะทะเลทั่วโลกล่าสุดของมหาวิทยาลัยจอร์เจียพบว่า ทะเลไทยกำลังประสบภาวะวิกฤตมลพิษทางทะเล หรือขยะทะเลอย่างรุนแรง หรือจัดอยู่ในประเทศที่มีขยะพลาสติกในทะเลเป็นอันดับ 5 ของโลก ซึ่งปัญหาขยะในทะเลนั้น ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดความเสียหายกับเรือ เครื่องมือประมง ทำลายทัศนียภาพอันสวยงามแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ พันธุ์พืช และพันธุ์สัตว์น้ำทั้งบริเวณชายหาด และใต้ท้องทะเลอีกด้วย ปัจจุบัน มีเยาวชนจำนวนไม่น้อย ที่เริ่มต้นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่สามารถใช้เวลาพักผ่อน ไปพร้อมกับช่วยอนุรักษ์ท้องทะเลได้ไปพร้อมๆ กัน ผ่าน 3 เทรนด์กิจกรรมเชิงอนุรักษ์ยอดฮิต ได้แก่
1. อาสาเก็บขยะพลาสติก
ปริมาณขยะพลาสติกจำนวนมากเกิดขึ้นจากการกระทำของมนุษย์ ซึ่งปลายทางของปริมาณขยะมหาศาลท้ายที่สุดจะไปกระจุกตัวอยู่ในท้องทะเล กิจกรรมเก็บขยะริมทะเล คัดแยกประเภทขยะเพื่อให้ง่ายต่อการจัดการ จึงมักเป็นหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยมในกลุ่มเยาวชน ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งนอกจากจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์อย่างยั่งยืนแล้ว ยังสร้างเสริมความสมัครสมานสามัคคี นอกจากนี้ ยังสามารถต่อยอดสู่การเสริมสร้างพฤติกรรมการลดใช้พลาสติก หันมาใช้วัสดุที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม อาทิ การพกถุงผ้าไปซื้อของริมชายหาก พกแก้วน้ำส่วนตัวเวลาไปซื้อน้ำ หรือเตรียมภาชนะบรรจุอาหารที่สามารถใช้ซ้ำได้ เพื่อลดปริมาณการใช้ขยะพลาสติกอีกด้วย
2. อาสาอนุบาลสัตว์น้ำ
การจับสัตว์น้ำ หรือการให้อาหารสัตว์ทะเล เป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรปฏิบัติอย่างยิ่งเมื่อเราเดินทางล่องเรือออกไปในทะเล เนื่องจากจะทำให้พฤติกรรมของสัตว์เปลี่ยนแปลงไป เช่น สัตว์บางชนิดมีพฤติกรรมก้าวร้าว ไม่เป็นมิตร เกิดการแย่งอาหาร หรือพฤติกรรมการหาอาหารเปลี่ยนแปลงไป จนทำให้ระบบนิเวศไม่สมดุล จากปัญหาเหล่านี้ จึงเป็นที่มาของเทรนด์อนุบาลสัตว์ทะเลที่มีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างบ่ออนุบาลพันธุ์สัตว์น้ำ การให้อาหาร และใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกันกับเหล่าสัตว์ทะเล ฯลฯ ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ ที่จะสามารถแนะแนวทางและวิธีที่เหมาะสม ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์ทะเล
3. อาสาดำน้ำเก็บซากอวนประมง
ข้อมูลจากศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่งอ่าวไทยตอนบนพบว่า อัตราการตายของสัตว์ทะเลสูงถึงร้อยละ 20 – 40 มีสาเหตุมาจากการพันรัดของขยะทะเลภายนอก เช่น เศษอวน เนื่องจากไปติดพัน และทำให้สัตว์ไม่สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ จนล้มตายลงในที่สุด อีกหนึ่งกิจกรรมยอดฮิตสำหรับคนรักทะเลจึงหนีไม่พ้นอาสาสมัครเก็บซากอวนประมง บริเวณแนวปะการัง ที่เป็นเสมือนศูนย์กลางการดำเนินชีวิตสำหรับสัตว์ทะเลในระยะยาว
นางสาววันวิสาข์ โคมินทร์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายสื่อสารองค์กร ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวว่า ความต้องการท่องเที่ยวพักผ่อน เป็นหนึ่งในความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ แต่ข้อสำคัญอย่างยิ่ง ได้แก่ การท่องเที่ยวที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ด้านธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทยเอง ล่าสุด ได้จัดกิจกรรมสุดกรีนจากหนึ่งในไอเดียเทรนด์ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ภายใต้โครงการ "SAVE the Ocean – Clean the SEA" ที่เปิดโอกาสให้อาสาสมัครซิตี้ร่วมกิจกรรมเก็บซากอวนประมง และขยะใต้ทะเล ซึ่งเป็นขยะที่ย่อยสลายไม่ได้เองตามธรรมชาติ และเป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำ เพื่อร่วมเป็นแรงขับเคลื่อนในการอนุรักษ์ท้องทะเลไทยอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวเป็นหนึ่งในโครงการ "วันชุมชนซิตี้ 2562" หรือ Citi Global Community Day 2019 ที่มีเป้าหมายเพื่อยกระดับสังคมในหลากหลายมิติ สู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตามรอยพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
นับว่าเป็นสัญญาณเริ่มต้นที่ดีไม่น้อย ที่เยาวชนคนรุ่นใหม่หันมาให้ความสนใจกับเทรนด์ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่สามารถนำไปประยุกต์กับแผนการท่องเที่ยวได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งเชื่อว่าพฤติกรรมการท่องเที่ยวเหล่านี้จะได้รับการแพร่หลายมากยิ่งขึ้น ก่อนที่สัตว์น้ำเพื่อนร่วมโลกแสนน่ารัก จะถึงคราวสูญพันธุ์ไปจากท้องทะเล สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ ธนาคารซิตี้แบงก์ เอ็น.เอ. สาขากรุงเทพมหานคร หรือ www.citibank.co.th