กรุงเทพฯ--7 ส.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานจากอิทธิพลมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค.62 ถึงปัจจุบัน ทำให้มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก ดินสไลด์ และวาตภัย 13 จังหวัด รวม 54 อำเภอ 163 ตำบล 674 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 3,105 หลัง ผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 1 ราย ยังคงมีสถานการณ์ในจังหวัดตราด ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นอย่างเร่งด่วน
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากอิทธิพลมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2562 ถึงปัจจุบัน ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินสไลด์ และวาตภัย ในพื้นที่ 13 จังหวัด ได้แก่ พะเยา น่าน เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก กำแพงเพชร เลย ตราด จันทบุรี ระนอง ชุมพร และสุราษฎร์ธานี รวม 54 อำเภอ 163 ตำบล 674 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 3,105 หลัง ผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 1 ราย เรือประมงขนาดเล็ก 12 ลำ สะพาน 8 แห่ง ถนน 15 สาย ฝาย 2 แห่ง นาข้าว 442 ไร่ พืชไร่ 206 ไร่ พืชสวน 50 ไร่ ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 12 จังหวัด และยังคงมีสถานการณ์ 1 จังหวัด ได้แก่ ตราด เกิดฝนตกหนัก ทำให้น้ำไหลหลากในพื้นที่อำเภอเมืองตราด บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 5 หลัง ปัจจุบันระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัย รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือนเป็นวัสดุก่อสร้าง หรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม ในระยะนี้หลายพื้นที่อาจเกิดพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ปภ.จึงขอฝากเตือนประชาชนให้ติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามคำเตือนและคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ส่วนเกษตรกรให้จัดทำที่ค้ำยันต้นไม้หรือที่กำบัง เพื่อป้องกันพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากวาตภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป