“ไทยซัมมิท ฮาร์เนส”จับมือกับ 2 ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมสายเคเบิ้ลและสายไฟฟ้า ตั้งบริษัทร่วมทุนผลิตชุดสายไฟ สำหรับรถยนต์

ข่าวทั่วไป Friday April 29, 2005 10:15 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--29 เม.ย.--โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์ เวิลด์วายด์
“ไทยซัมมิท ฮาร์เนส”จับมือกับ 2 ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมสายเคเบิ้ลและสายไฟฟ้า ตั้งบริษัทร่วมทุนผลิตชุดสายไฟ สำหรับรถยนต์ เสริมศักยภาพอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยพร้อมเป็น “ดีทรอยท์แห่งเอเชีย
ไทยซัมมิท ฮาร์เนส ตอบสนองต่อตลาดอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังขยายตัวและนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเป็น “ดีทรอยท์ แห่งเอเชีย” โดยลงนามในสัญญาร่วมทุนกับมิตซูบิชิ เคเบิ้ล อินดัสตรี้ และเรียวเซ อิเล็คโทร เซอร์กิต ซิสเตม จัดตั้งบริษัท “เอ็มซีไอ-ทีเอสเอช” เป็นฐานพัฒนาการผลิตอุปกรณ์สายไฟสำหรับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่มีประสิทธิภาพ
ไทยซัมมิท ฮาร์เนส (ทีเอสเอช) เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์สายไฟสำหรับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับสามในประเทศไทย และมีประสบการณ์ในธุรกิจนี้มายาวนานกว่า 20 ปี ทีเอสเอช ตัดสินใจร่วมทุนกับบริษัททั้งสองเพื่อเสริมศักยภาพขององค์กรในด้านการตลาดและเทคโนโลยี และเชื่อมั่นว่า การขยายการลงทุนในครั้งนี้จะมีส่วนผลักดันให้ไทยพร้อมเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ในภูมิภาคนี้อย่างแท้จริง บริษัทร่วมทุน เอ็มซีไอ-ทีเอสเอ็ช จำกัด ที่ก่อตั้งขึ้นใหม่นี้ เป็นการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นเดิมในบริษัท เอ็มซีไอ โมลด์ จำกัด ซึ่งมิตซูบิชิ เคเบิ้ล อินดัสตรี้ (เอ็มซีไอ) เคยถือหุ้น 43.5% และ เรียวเซ อิเล็คโทร เซอร์กิต ซิสเตม (อาร์อีซีเอส) เคยถือหุ้น 56.5% ในสัญญาร่วมทุนมูลค่ากว่า 185 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งเอ็มซีไอ-ทีเอสเอ็ช ในครั้งนี้ เอ็มซีไอและอาร์อีซีเอส ถือหุ้นฝ่ายละ 25.5% ส่วน และทีเอสเอชถือหุ้น 49%
บริษัท มิตซูบิชิ เคเบิ้ล อินดัสตรี้ (เอ็มซีไอ) เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมสายเคเบิ้ลและสายไฟฟ้า โดยผลิตอุปกรณ์ชิ้นส่วนไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ สายไฟฟ้าแม่เหล็ก ไฟเบอร์พิเศษ รวมทั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อการสื่อสารและที่ใช้ในรถยนต์ ส่วนบริษัท เรียวเซ อิเล็คโทร เซอร์กิต ซิสเตม (อาร์อีซีเอส) เป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย และได้มาตรฐานระดับโลกด้านระบบวงจรไฟฟ้าที่ก่อตั้งขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น และมีบริษัทเอ็มซีไอเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ร้อยละ 75
นายฮิโรชิ โอคาโมโต ประธานและเจ้าหน้าที่บริหารสูงสุด บริษัท มิตซูบิชิ เคเบิ้ล อินดัสตรี้ จำกัด (เอ็มซีไอ)กล่าวว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยกำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และการพัฒนาเพื่อก้าวสู่การเป็น “ดีทรอยท์แห่งเอเชีย” ยังเป็นเป้าหมายสำคัญ เอ็มซีไอรู้สึกยินดีที่มีส่วนร่วมในการเสริมศักยภาพอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยให้เข้มแข็ง และรู้สึกเป็นเกียรติที่ไทยซัมมิท ฮาร์เนส ให้ความไว้วางใจเลือกเราเป็นหนึ่งในพันธมิตรสำคัญเพื่อก่อตั้งบริษัทร่วมทุนในครั้งนี้
นายสาโรจน์ วสุวานิช รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยซัมมิท ฮาร์เนส จำกัด กล่าวว่า “การก่อตั้งบริษัทร่วมทุนในครั้งนี้นอกจากจะเป็นการขยายกิจการของ ไทยซัมมิท ฮาร์เนส อย่างต่อเนื่องแล้ว ยังเป็นการรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ และเป็นการช่วยเสริมศักยภาพเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางการผลิตในภูมิภาคเอเชียให้ได้”
นายสาโรจน์ เชื่อมั่นว่า ด้วยศักยภาพด้านเทคโนโลยีการออกแบบระบบสายไฟของทั้งเอ็มซีไอและอาร์อีซีเอส บวกกับฐานการผลิตอุปกรณ์สายไฟของทีเอสเอช บริษัทร่วมทุนใหม่นี้จะสามารถมอบบริการที่รวมความต้องการทุกอย่างไว้ด้วยกันให้กับลูกค้าในประเทศไทย และจะเป็นผู้นำในการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์และระบบสายไฟฟ้าสำหรับใช้ในรถยนต์และรถจักรยานยนต์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นต่อไป ทั้งนี้คาดว่าในปีแรก บริษัทฯ จะสามารถสร้างรายได้ประมาณ 300 ล้านบาท และตั้งเป้าการเติบโตในช่วง 3 ปีแรกอยู่ที่ประมาณปีละ 30% หลังจากนั้นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีจะอยู่ที่ประมาณปีละ 15% ขณะนี้บริษัทฯ มีโครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างการศึกษาพิจารณาความเป็นไปได้ โดยจะผลิตและส่งชุดสายไฟกลับไปยังประเทศญี่ปุ่น คาดว่าจะมียอดขายเฉพาะโครงการใหม่นี้ประมาณ 960 ล้านบาทต่อปี เริ่มตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นไป
บริษัทร่วมทุนใหม่ ไม่เพียงแต่จะผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์สายไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ และจักรยานยนต์เท่านั้น แต่ยังมีศูนย์ด้านเทคนิคการวิจัยและพัฒนาเพื่อดูแลออกแบบระบบวงจรสายไฟทั้งหมด โดยปกติ การผลิตสินค้าเพื่อป้อนบริษัทรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น ทีเอสเอชต้องส่งตัวอย่างสินค้าไปญี่ปุ่นเพื่อตรวจสอบคุณภาพและเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนการวิจัยและพัฒนา แต่ในการร่วมทุนกับอาร์อีซีเอส ทำให้สามารถตัดกระบวนการดังกล่าวไปได้ เพราะอาร์อีซีเอสมีความเชี่ยวชาญด้านนี้ และสามารถดูแลงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ผลิตออกจากบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ได้ทันที
ข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มบริษัทไทยซัมมิท
กลุ่มบริษัทไทยซัมมิทมีบริษัทในกลุ่มมากกว่า 30 แห่งและมีความเชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนต่าง ๆ รวมถึง ชิ้นส่วนรถยนต์ จักรยานยนต์ อุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องจักรอุตสาหกรรมการเกษตร และมีการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย มาเลเซียและอินเดีย นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทนี้ยังขยายกิจการสู่ธุรกิจโรงแรมและสนามกอล์ฟ โดยมีรายรับสุทธิในปี 2547 ประมาณ 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าในปี 2548 จะมีรายรับประมาณ 660 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
แถลงข่าวในนาม: บริษัท ไทยซัมมิท ฮาร์เนส จำกัด
รายละเอียดเพิ่มเติม: รื่นฤดี ทวีผล (ruanrudee.taweepol@ogilvy.com)
แพงขวัญ เขมะวิชานุรัตน์ (pangkwan.lekhyananda@ogilvy.com)
บริษัท โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์ เวิลด์วายด์ จำกัด
โทร. 0-2205 6620 และ 0-2205 6617--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ