กรุงเทพฯ--7 ส.ค.--กรุงเทพมหานคร
นายพานุรักษ์ กลั่นนุรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง กทม. กล่าวตามที่สื่อมวลชนเสนอกรณีเกิดเหตุลอบวางระเบิดตามสถานที่ต่าง ๆ กล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) มีส่วนสำคัญในการติดตามผู้ก่อเหตุได้อย่างรวดเร็ว แต่การติดตั้งกล้อง CCTV ในพื้นที่กรุงเทพฯ ยังมีจุดบอดอีกหลายแห่ง กทม. ควรพิจารณาติดตั้งเพิ่ม และหมั่นตรวจสอบ หากพบกล้องจุดใดชำรุดต้องรีบซ่อมแซมทันทีว่า กทม. ได้ติดตั้งกล้อง CCTV ไปแล้ว จำนวน 54,589 กล้อง และมีแผน การติดตั้งกล้อง CCTV ประมาณ 5,000 กล้อง/ปี เพื่อให้ครอบคลุมทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งแนวทางการติดตั้งกล้อง CCTV จะดำเนินการให้เป็นโครงข่ายที่จะสามารถติดตามผู้กระทำผิดได้อย่างเป็นระบบและต่อเนื่องสอดคล้องกัน นอกจากนี้ ได้กำหนดแผนพัฒนาระบบกล้อง CCTV ให้สามารถเก็บข้อมูลและแจ้งเตือนก่อนการเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ โดยนำปัญญาประดิษฐ์ ( AI : Artificial Intelligence) เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ในจำนวนกล้องทั้งหมด 54,589 กล้อง แบ่งเป็นกล้องแบบเชื่อมสัญญาณเข้าสู่ศูนย์ควบคุมกลาง สามารถตรวจสอบระบบกล้องให้สามารถใช้งานได้ตลอดเวลา จำนวน 15,564 กล้อง ซึ่งสามารถจัดซ่อมได้ทันทีที่มีการขัดข้อง และเป็นกล้องที่ไม่ได้เชื่อมสัญญาณภาพเข้าสู่ศูนย์ควบคุมกลาง จำนวน 39,025 กล้อง ซึ่งมีแผนการตรวจสอบทุก ๆ 15 วัน และสามารถจัดซ่อมได้ทันทีเมื่อมีการแจ้งการขัดข้อง อย่างไรก็ตาม กล้อง CCTV ดังกล่าวอยู่ระหว่างดำเนินการเชื่อมสัญญาณเข้าสู่ศูนย์ควบคุมกลาง คาดจะแล้วเสร็จภายในปี 2562 นอกจากนี้ ในการติดตั้งกล้องเพิ่มเติมในปีต่อ ๆ ไป จะสามารถเชื่อมโยงสัญญาณภาพเข้าสู่ศูนย์ควบคุมกลางได้ทั้งหมด