กรุงเทพฯ--9 ส.ค.--สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์
บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN ผู้นำแห่งวงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับคนเมือง ครองตำแหน่งผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2562 ประกาศผลการดำเนินธุรกิจที่เติบโตแบบมีวินัยทางการเงิน โดยทำผลงานมีรายได้รวม 2,037 ล้านบาท เติบโต 12% จากไตรมาสแรก สอดคล้องกับรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น 12% เป็น 871 ล้านบาท นอกจากนี้ยอดขาย ยังเพิ่มขึ้น 27% จากไตรมาสแรก โดยสามารถกวาดยอดขายกว่า 6,100 ล้านบาท และมียอดขายสะสมครึ่งปีแรกกว่า 11,000 ล้านบาท และในครึ่งปีหลังปี 62 มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 7 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 22,000 ล้านบาท เน้นตลาด Mid-End สอดรับสถานีรถไฟฟ้าขยายตัวต่อเนื่องจาก 80 สถานีเป็น 300 สถานี
ดร. ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ของอนันดาเป็นที่น่าพอใจในสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีความท้าทายทั้งปัจจัยภายในประเทศ และต่างประเทศ และเชื่อว่าความต้องการที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะใกล้รถไฟฟ้ายังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ไตรมาส 2/2562 บริษัทมีกำไรสุทธิ 120 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า 79% และมีกำไรสุทธิครึ่งปีอยู่ที่ 352 ล้านบาท ลดลง 52% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการลดลงของส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในกิจการร่วมค้า ซึ่งสัดส่วนของโครงการร่วมทุนที่สร้างเสร็จพร้อมโอนในไตรมาส 2 ปี 2562 น้อยกว่าในไตรมาส 2 ปี 2561 ที่มีโครงการร่วมทุนขนาดใหญ่สร้างเสร็จและเริ่มโอน เช่น แอชตัน อโศก และ แอชตัน จุฬา-สีลม ซึ่งเป็นไปตามกำหนดการก่อสร้างแล้วเสร็จของโครงการ
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีความพร้อมในการปรับตัวและพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการไอดีโอ คิว พหลฯ-สะพานควาย ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานั้น ซึ่งเมื่อได้เปิดให้มีการจองซื้อมาระยะหนึ่งจึงได้ทราบว่ายังมีกลุ่มลูกค้าอีกเป็นจำนวนมากกว่า 3 เท่า ที่มีความสนใจและต้องการเข้าถึงโครงการดังกล่าว ทำให้บริษัทฯ พิจารณาและปรับรูปแบบโครงการ ไอดีโอ คิว พหลฯ-สะพานควาย ให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าและสภาวะตลาด โดยนำเทคโนโลยีการก่อสร้าง BIM และเทคโนโลยีการก่อสร้างที่ทันสมัยอื่นๆ มาพัฒนาโครงการเพื่อให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยร่วมกับ Strategic Partner ทั้งหมด และคาดว่าจะสามารถนำเสนอราคาขายเริ่มต้นใหม่ได้ที่ 149,000 บาทต่อตารางเมตร นอกจากนี้ยังเพิ่มประสิทธิภาพอัตราการทำกำไรที่ดีขึ้นด้วย โดยจะมีการเปิด Soft Opening สำหรับโครงการใหม่ ภายใต้แบรนด์ใหม่ระดับ Mid-End ในไตรมาส 4/2562 และมีระยะเวลาการก่อสร้างแล้วเสร็จตามกำหนดระยะเวลาเดิมในไตรมาสแรกปี 2565
ณ สิ้นไตรมาส 2/2562 บริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) 33,200 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตของยอดโอนในระยะ 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ บริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้ที่จะโอนในปี 2562 มูลค่ากว่า 12,240 ล้านบาท คิดเป็น 64% ของเป้ายอดโอนในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ โดยตั้งเป้ายอดโอนทั้งปีอยู่ที่กว่า 29,000 ล้านบาท นอกจากนี้ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในครึ่งปีหลัง จำนวน 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 21,930 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียมใกล้รถไฟฟ้า จำนวน 6 โครงการ มูลค่าโครงการ 20,496 ล้านบาท และโครงการแนวราบ URBANIO วิภาวดี-แจ้งวัฒนะ จำนวน 1 โครงการ มูลค่าโครงการ 1,434 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการแนวราบแบรนด์ใหม่เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต
"ในส่วนของกระแสเงินสดของบริษัทฯ ยังคงมีความแข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นสุดไตรมาสยังคงรักษาเงินสดที่มีมากกว่า 5,900 ล้านบาท โดยบริษัทฯ คอยติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากปัจจัยภายในประเทศและภายนอกประเทศ และเตรียมพร้อมปรับแผนธุรกิจหากมีความจำเป็น เพื่อรักษาเสถียรภาพในระยะยาวของบริษัท ทั้งนี้ แผนธุรกิจทั้งหมดของบริษัทนั้น ยังคงสนับสนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และยังคงตอกย้ำการเป็นผู้นำในตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าในประเทศไทย พร้อมทั้งยังคงรักษาวินัยทางการเงินไว้อย่างเข้มงวด โดยจะรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนไว้ที่ 1 เท่า เป็นเป้าหมายระยะยาว และเราต้องมั่นใจว่าการเติบโตของบริษัทจะไม่เพิ่มความเสี่ยงซึ่งมีผลกระทบต่อความมั่นคงของบริษัทในระยะยาว" ดร. ชัยยุทธ กล่าวเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้น เป็น 9.1 สตางค์ คิดเป็นสัดส่วนของเงินปันผลต่อกำไรในอัตรา 86% สูงที่สุดตั้งแต่มีการเสนอขายหุ้น IPO ของบริษัท