กรุงเทพฯ--9 ส.ค.--เดอะเวย์ คอมมิวนิเคชั่น
"ชีวาทัย" เผยเป้ารายได้ปี 2562 แตะ 1,600 ล้านบาท กำ Backlog ในมือกว่า 900 ล้านบาท โชว์กลยุทธ์ครึ่งปีหลังเตรียมเปิดอีก 7 โครงการ หนุนการเติบโตในอนาคต เผยรายได้ครึ่งปีแรก 618.65 ล้านบาท
นายบุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวาทัย จากัด (มหาชน) หรือ CHEWA เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าเป้ารายได้ปี 2562 อยู่ที่ 1,600 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทเล็งเห็นว่าสถานการณ์ปัจจุบันตลาดอสังหาริมทรัพย์มีการแข่งขันทางด้านราคากันสูง และทางบริษัทไม่มีนโยบายลดราคาสินค้าเพื่อเร่งระบายสินค้าคงเหลือ แต่ชะลอโครงการไปเพื่อให้สถานการณ์สงครามด้านราคาเริ่มคลี่คลายและเข้าสู่สภาวะที่สมดุล
สำหรับครึ่งปีหลังของปี 2562 บริษัทยังคงมุ่งเน้นการเติบโตโครงการแนวราบ โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้จาก 4 โครงการ ได้แก่ โครงการชีวาวัลย์ ปิ่นเกล้า-สาทร, โครงการชีวารมย์ นครอินทร์, โครงการชีวาโฮม กรุงเทพ-ปทุมธานี และโครงการร่วมทุนภายใต้ บริษัท ชีวา ฮาร์ท จำกัด ได้แก่ โครงการฮาร์ท สุขุมวิท 62/1
พร้อมกันนี้บริษัทมีแผนการเปิดโครงการในครึ่งปีหลังของปี 2562 จำนวน 7 โครงการ มูลค่ากว่า 7,248 ล้านบาท โดยในไตรมาส 3/62 บริษัทวางแผนเปิดโครงการ 2 โครงการมูลค่ารวม 2,465 ล้านบาท ได้แก่ 1. โครงการชีวาทัย เกษตร-นวมินทร์ มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท, 2. โครงการชีวา บิซ โฮม เอกชัย-บางบอน มูลค่าโครงการ 765 ล้านบาท
ส่วนโครงการที่จะเปิดตัวในไตรมาส 4/62 มีจำนวน 5 โครงการ มูลค่า 4,783 ล้านบาท ได้แก่ 1. โครงการชีวาทัย ปิ่นเกล้า มูลค่าโครงการ1,587 ล้านบาท, 2. โครงการชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค จรัญฯ 13 มูลค่าโครงการ 430 ล้านบาท, 3. โครงการชีวารมย์ นครอินทร์ มูลค่าโครงการ 1,593 ล้านบาท 4. โครงการชีวาโฮม กรุงเทพ-ปทุมธานี มูลค่าโครงการ 903 ล้านบาท, และ 5. โครงการ ฮาร์ท สุขุมวิท 36 มูลค่าโครงการ 270 ล้านบาท
ขณะเดียวผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/62 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 276.73 ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 618.65 ล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงระมัดระวังในการดำเนินธุรกิจและปรับแผนกลยุทธ์ในเชิงรับมากยิ่งขึ้น
"ปีนี้เรามีการชะลอการเปิดโครงการไปบ้างเพื่อรอเวลาที่เหมาะสม แต่ยังสะสมยอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งบริษัทเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าในปีหน้าจะมีผลประกอบการที่สดใส และพร้อมดำเนินงานเป็นไปตามแผนได้ปกติ หลังจากคาดว่าปีหน้าสถานการณ์ดังกล่าวน่าจะเริ่มคลีคลายตัวลง และคาดว่าจะมีความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานของอุตสาหกรรมอีกด้วย" นายบุญ ชุน เกียรติ กล่าว