กรุงเทพฯ--9 ส.ค.--โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น
บี.เอฟ.เอ็ม. ผู้นำด้านวัสดุตกแต่งอาคารคุณภาพสูงจับมือ มิตซูบิชิ เคมิคอล คอร์ปอเรชั่น ญี่ปุ่น ขยายธุรกิจรับเมกกะโปรเจค เปิดตัว อัลโพลิค เอ2 (ALPOLIC A2) แผ่นอะลูมิเนียมคอมโพสิทไส้กลางกันไฟมาตรฐานใหม่ คลาส A2 ล้ำหน้าด้านดีไซน์ ปลอดภัยจากอัคคีภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ยักษ์ใหญ่ตัวแทนจำหน่ายวัสดุตกแต่งอาคารเกรดพรีเมียมของไทย 'บี.เอฟ.เอ็ม.' ผนึกพลังกับ มิตซูบิชิ เคมิคอล คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ประกาศรุกธุรกิจครั้งสำคัญด้วยการเปิดตัว อัลโพลิค เอ2 (ALPOLIC A2) แผ่นอะลูมิเนียมคอมโพสิทไส้กลางกันไฟมาตรฐานใหม่ ล้ำหน้าด้านดีไซน์ ปลอดภัยจากอัคคีภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นครั้งแรก หลังครองเจ้าตลาดในไทยมานานกว่า 20 ปี มั่นใจตลาดขานรับหลังกระแสเพลิงไหม้อาคารสูง สร้างความเสียหายอย่างหนักทั้งในไทยและต่างประเทศ พร้อมวอนภาครัฐกำหนดมาตรฐานวัสดุก่อสร้างเน้นป้องกันไฟ ยกระดับคุณภาพชีวิต คนไทยสู่มาตรฐานสากล ชูศักยภาพความพร้อมความปลอดภัยรองรับการลงทุนของต่างชาติ
นายกศิปัญญ์ ศิริธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.เอฟ.เอ็ม. จำกัด หนึ่งในผู้นำธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายวัสดุตกแต่งอาคารเกรดพรีเมียมในประเทศไทย เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์เพลิงไหม้อาคารสูงครั้งรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในรอบไม่กี่ปีมานี้ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งในแต่ละครั้งเกิดความสูญเสีย ทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินโดยในบางกรณีก็ยากที่จะประเมินมูลค่าการสูญเสีย ด้วยเหตุดังกล่าว บริษัทฯ จึงเล็งเห็นถึงโอกาสในการนำเสนอทางเลือกใหม่เพื่อป้องกัน ลดความเสี่ยง และบรรเทาความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น ด้วยความร่วมมือกับ มิตซูบิชิ เคมิคอล คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เปิดตัว อัลโพลิค คลาส เอ2 (ALPOLIC A2) แผ่นอะลูมิเนียมคอมโพสิทไส้กลางกันไฟมาตรฐานใหม่สู่ตลาดเมืองไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ในการยกระดับความปลอดภัยของอาคารจากอัคคีภัยอย่างแท้จริง
"บี.เอฟ.เอ็ม. มั่นคงในจุดยืนที่สนับสนุนเรื่องความปลอดภัยของอาคารจากอัคคีภัยมาโดยตลอด เราถือเป็นรายแรกที่นำผลิตภัณฑ์เกรด FR (Fire retardant - ไส้กลางไม่ลามไฟ) เข้ามาในเมืองไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 และในปีนี้ เพื่อเป็นการยกระดับความปลอดภัยจากอัคคีภัยในอาคารสูงให้ทัดเทียมในระดับสากล เราจึงยินดีนำเสนออีกหนึ่งทางเลือกใหม่ของแผ่นอะลูมิเนียมคอมโพสิท อัลโพลิค คลาส เอ2 (ALPOLIC A2) สู่ตลาดเมืองไทย ซึ่งมั่นใจอย่างยิ่งว่าจะเข้ามาเติบเต็มความต้องการได้อย่างแท้จริง โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายในปี พ.ศ. 2562-2563 โดยรวมไว้ประมาณ 400,000 ตารางเมตร แบ่งเป็นยอดขายผลิตภัณฑ์ คลาส เอ2 10% และ FR 90% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต นายกศิปัญญ์ ศิริธรรม กล่าว