กรุงเทพฯ--13 ส.ค.--สำนักงาน กปร.
พระปฐมบรมราชโองการของ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2562 ผ่านมา สะท้อนถึงพระราชปณิธานอันแน่วแน่ในการทรงงานเพื่อจะสืบสาน รักษา และต่อยอด โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และแนวพระราชดำริต่าง ๆ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
และด้วยน้ำพระราชหฤทัยอันเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตาต่อประชาชนทุกผู้ทุกนาม ทุกหมู่เหล่า โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่แล้วเสร็จและอยู่ระหว่างดำเนินการ ล้วนได้รับการสืบสาน รักษา ต่อยอด อย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน
นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กล่าวว่า จากภาพรวมที่ประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่เมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมารายงานว่า โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมากกว่าร้อยละ 80 สามารถดำเนินการต่อไปได้ ภายในอีก 3-4 ปีข้างหน้า โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่คั่งค้างอยู่ประมาณ 88 โครงการจะแล้วเสร็จ
"ผมเล่าให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับประโยชน์จากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริฟังว่า ถึงแม้จะเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของล้นเกล้ารัชกาลที่ 9 แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชกระแสชัดเจนว่า ให้รักษา สืบสาน ต่อยอด บางโครงการที่เป็นความเดือดร้อนเร่งด่วน ที่ได้รับการทูลเกล้าถวายฎีกา ทรงพิจารณาแล้ว เห็นว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนก็จะโปรดเกล้าฯ ลงมาเลย โดยเฉพาะเรื่องของแหล่งน้ำ แต่หากไม่เร่งด่วนก็จะรับสั่งให้ดูแลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้เสร็จสิ้นให้หมดเสียก่อน และหากพบว่าโครงการใดที่สร้างมาแล้ว 20 - 30 ปี เริ่มทรุดโทรม ก็ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งซ่อมบำรุง หรือหากพบว่ามีศักยภาพที่จะเก็บกักน้ำได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีความต้องการใช้น้ำของพี่น้องเกษตรกรเพิ่มขึ้น ก็ให้นำมาพิจารณาดำเนินการและให้ถือว่าเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของทั้ง 2 รัชกาล" นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี กล่าว
ทางด้านนายดนุชา สินธวานนท์ เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) เปิดเผยว่า ใน 88 โครงการที่ยังไม่แล้วเสร็จ ปัจจุบันสามารถติดตามและขับเคลื่อนไปได้แล้ว ที่เหลือคือการเร่งรัดขั้นตอนต่าง ๆ เช่น การสำรวจออกแบบการทำประชาพิจารณ์เพื่อให้เกิดการรับทราบ ตลอดถึงการผลักดันโครงการอีกประมาณ 13 โครงการเท่านั้น ในพื้นที่ทั่วประเทศ
"ใน 13 โครงการนี้ ได้มีการวางแผนไว้แล้วก็จะเริ่มดำเนินการได้ประมาณปี 2564 - 2565 ส่วนโครงการที่กำลังดำเนินการ 60 กว่าโครงการ ในปีงบประมาณ 2563 - 2564 ก็จะแล้วเสร็จทั้งหมด และต่อจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งมีอยู่เกือบทุกกรม กอง ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็จะช่วยดูเรื่องการประกอบอาชีพของประชาชน ซึ่งเมื่อมีแหล่งน้ำแล้ว การส่งเสริมและพัฒนาอาชีพของประชาชนก็ควรได้รับการสนับสนุนต่อไป เช่น กรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง
กรมปศุสัตว์ กรมวิชาการเกษตร ก็เป็นหน่วยงานที่จะเข้าไปช่วยแนะนำประชาชนเพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่าสูงสุดต่อไป" นายดนุชา สินธวานนท์ เลขา กปร. กล่าว
นับเป็นพระราชปณิธาน และความตั้งใจอันแน่วแน่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการทรงงานเพื่อจะสืบสาน รักษา และต่อยอด โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และของพระองค์เอง ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้แก่พสกนิกร และพัฒนาประเทศ ให้เจริญก้าวหน้ามั่นคงสืบไป เฉกเช่นพระปฐมบรมราชโองการ ในมหามงคลวโรกาสเถลิงถวัลยราชสมบัติ "เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป"