กรุงเทพฯ--13 ส.ค.--บางกอก ออทัม
ดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN ผู้นำด้านธุรกิจพลังงาน พลังงานหมุนเวียน และยานยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือก เปิดเผยรายได้ไตรมาส 2/2562 ออกมาดีตามคาด โดยรายได้สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี อยู่ที่ 1,695.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปี 2561 กว่า 309.6 ล้านบาท หรือคิดเป็น 22.3% และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 7.2% ซึ่งปรับสูงขึ้น โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ยอดขายตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการรถยนต์ รวมไปถึงรายได้จากการซ่อมบำรุงรักษารถโดยสารปรับอากาศ NGV ทั้งหมด 489 คัน ที่จะเป็นรายได้ต่อเนื่องในไตรมาสถัดๆไปอีกด้วย ทั้งนี้รายได้ที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์ก๊าซธรรมชาติยังปรับตัวเพิ่มขึ้น มีผลมาจากธุรกิจก๊าซธรรมชาติอัดสำหรับอุตสาหกรรม (iCNG) ที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงประสิทธิภาพในการขยายกิจการเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 13.4% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว โดยปัจจัยมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการที่บริษัทความเติบโตขึ้นจากปี 2561 รวมถึงการรับรู้กำไรพิเศษจากการประเมินมูลการลงทุนในโปรเจคโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู ณ ประเทศเมียนมา ส่งผลส่วนแบ่งกำไร 20.08 ล้านบาท ในไตรมาสนี้ โครงการมินบูเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนแห่งแรกและใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐสหภาพเมียน ซึ่งได้จัดงานเปิดตัวอย่างเป็นอย่างยิ่งใหญ่และเป็นทางการเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา โดยได้รับเกียรติจาก นางออง ซาน ซูจี ที่ปรีกษาแห่งรัฐเมียนมา เป็นประธานเปิดงาน ได้สร้างความเชื่อมั่นให้ชาวเมียนมาและทีมผู้ลงทุนไทย ถือเป็นความน่าภาคภูมิใจอันยิ่งใหญ่และนับเป็นก้าวแรกของความสำเร็จในพลังงานทดแทนของบริษัทฯ
กล่าวเสริมว่า "บริษัทมีแผนในการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยได้มีการปรับตัวและพัฒนาธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแบ่งโครงสร้างธุรกิจอย่างชัดเจนในรูปแบบ 3+1 นั่นคือ ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ, ธุรกิจยานยนต์, ธุรกิจพลังงานทดแทน และ ธุรกิจโลจิสติกส์ ที่เข้ามาเสริม โดยการต่อยอดจากธุรกิจหลักที่ให้บริการขนส่งก๊าซให้กับลูกค้าทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยปีนี้จะได้เห็นการเติบโตของธุรกิจในเครือ SCN ทุกๆด้าน เพราะบริษัทไม่เคยหยุดยั้งในการพัฒนาและมองหาโอกาสในการลงทุน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาเข้าลงทุนในโครงการต่างๆ อาทิเช่น โครงการมินิบัส, ด้านพลังทางเลือกทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมไปถึงโครงการด้านสาธารณูปโภคในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) มั่นใจบริษัทมีความพร้อมอย่างมาก และให้เชื่อมั่นถึงแผนงานของบริษัทนับจากนี้จะสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนอย่างแน่นอน"