กรุงเทพฯ--13 ส.ค.--สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)
มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จับมือหน่วยงานรัฐ และภาคเอกชน วิจัย 2 ตลาดสดเมืองอุบล ตั้งแต่การวางผัง การควบคุมคุณภาพ และการบริหารจัดการ เพื่อสร้างโมเดลตลาดอาหารปลอดภัย ที่ตอบยุทธศาสตร์ของการเป็นเมืองแห่งอาหารปลอดภัยของภาคอีสาน
"เกษตรอินทรีย์" คือหนึ่งในยุทธศาสตร์หลักของการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 ที่ประกอบด้วยจังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ ยโสธร และอำนาจเจริญ ภายใต้วิสัยทัศน์ "ศูนย์กลางความเชื่อมโยงการผลิต การค้าและบริการ ด้านเกษตรอินทรีย์ สุขภาพทางเลือก การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และเมืองน่าอยู่ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง"
ดังนั้น การทำงานวิจัยภายใต้ชุดโครงการนวัตกรรมการบริหารจัดการงานวิจัยเพื่อการพัฒนาพื้นที่ ของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ภายใต้ทุนวิจัยท้าทายไทย กลุ่มเรื่อง นวัตกรรมทางความรู้เพื่อการพัฒนาพื้นที่ โดยการสนับสนุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) จึงมีเป้าหมายสำคัญคือการสร้างให้จังหวัดแห่งนี้เป็นเมืองแห่งอาหารปลอดภัยของภาคอีสาน
"แม้ว่าเราจะมีการศึกษาถึงตลาดของสินค้าเกษตรเพื่อการบริโภคตั้งแต่ต้นน้ำ จนถึงปลายน้ำ คือตั้งแต่ตัวเกษตกร จนถึงผู้บริโภค แต่เราคิดว่าสิ่งที่น่าจะดำเนินการก่อนก็คือเรื่องของตลาด ที่เป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญระหว่างต้นน้ำคือผู้ผลิต กับปลายน้ำคือผู้บริโภค" ดร.นรา หัตถสิน อาจารย์จากคณะบริหารศาสตร์ ม.อุบลราชธานี หนึ่งในหัวหน้าโครงการวิจัยภายใต้ชุดโครงการนี้ กล่าวถึงความที่มาของการทำวิจัยครั้งนี้
ดร. นรา กล่าวว่า ภายใต้โครงการนี้มีเป้าหมายร่วมกันคือ การสร้างทำให้เกิดรูปธรรมตลาดอาหารปลอดภัย ในจังหวัดอุบลราชธานี ประกอบด้วยงาวิจัยด้านตลาดอาหารปลอดภัย รวม 8 งานวิจัยคือ 1) การศึกษาศักยภาพการผลิตและแปรรูป 2) การพัฒนาระบบบริหารจัดการการตลาดอย่างมีส่วนร่วม 3) กลยุทธ์ด้านการตลาด 4) สถานการณ์ด้านตลาด 5) หลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติที่ดี 6) ประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์พื้นที่ในตลาด 7) ระบบจัดวางสินค้าและการให้บริการ และ 8) ระบบจัดการของเสียและสุขอนามัย โดยมีตลาด ที่ตอบรับเข้าร่วมงานวิจัยครั้งนี้จำนวน 2 แห่งคือ "ตลาดเทศบาล 3" และ "ตลาดดอนกลาง"
"เราต้องการเปรียบเทียบโมเดลของการจัดการ ทั้งตลาดของเทศบาล (ตลาดเทศบาล 3) และตลาดเอกชน (ตลาดดอนกลาง) เพื่อให้สามารถขยายผลไปสู่ตลาดแห่งอื่นๆ คือตลาดเอกชนก็สามารถขยายผลต่อ ตลาดของภาครัฐก็ไปเป็นแนวทางได้" ดร. นรา กล่าว
นายรัฐนันท์ ภัทรธนเศรษฐ์ ผู้บริหารตลาดดอนกลาง กล่าวถึงเหตุผลที่เข้าร่วมโครงการวิจัยนี้ว่า การได้มาร่วมทำงานกับทีมวิจัยของ ม.อุบล ในครั้งนี้ ทำให้ตนเองได้เห็นถึง ช่องว่างและแนวทางของการยกระดับตลาดเก่าแก่แห่งนี้ให้มีมาตรฐานมากขึ้น ทั้งเรื่องของโครงสร้างต่างๆ รวมถึงถึงวิธีการปฏิบัติในแต่ละจุดแต่ละขั้นตอน และคิดว่านี่คือแนวทางการทำให้ตลาดของเราเป็นที่ยอมรับมากยิ่งขึ้น
"เมื่อเอ่ยถึงอาหารปลอดภัยได้มาตรฐาน หลายคนอาจจะนึกถึงของที่ขายในโมเดิร์นเทรด หรือซุเปอร์สโตร์ แต่งานวิจัยนี้สามารถทำให้ตลาดสดที่มีอยู่ทั่วไป สามารถเป็นตลาดของอาหารปลอดภัยได้เช่นเดียวกัน"
ขณะที่คุณนุชจรินทร์ พุทธองค์รักษา ประธานคณะกรรมการตลาดเทศบาล 3 และเป็นหนึ่งในแม่ค้าของตลาดแห่งนี้ กล่าวเสริมว่า อยากให้ ม.อุบล ประสานงานกับเทศบาล และจังหวัด ทำให้ตลาดเทศบาล 3 มีคุณภาพที่ดีขึ้น และทางกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าก็พร้อมสนับสนุนการทำงานของนักวิจัย
ดร.จริยาภรณ์ อุ่นวงษ์ ผู้จัดการโครงการฯ ให้ข้อมูลเสริมว่า โครงการนี้มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี สมทบทุนวิจัยร่วมกับ กองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) หรือปัจจุบันคือ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) โดยมุ่งหวังที่จะยกระดับและเปลี่ยนแปลงระบบการผลิตและบริโภคอาหารปลอดภัยของจังหวัดอุบลราชธานี ทั้งระบบ โดยมีการจัดคณะนักวิจัยจากคณะต่างเข้าร่วมโครงการเป็นจำวนมาก ไม่ว่าจะจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ บริหารศาสตร์ เภสัชศาสตร์ เกษตรศาสตร์ ศิลปศาสตร์ รัฐศาสตร์ เป็นต้น นี่คือการทำงานวิจัยในลักษณะชุดโครงการของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ซึ่งการได้เรียนรู้แนวทางการจัดการจัดการและบริหารงานวิจัยของ สกสว. ทั้งการหาโจทย์ปัญหาหรือความต้องการของพื้นที่ การกำหนดโจทย์ ระบบสนับสนุน รวมถึงการสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทำให้ขณะนี้ทีมวิจัยมีมีข้อมูลสำคัญๆ เกือบครบถ้วนแล้ว ดังนั้นระยะเวลาที่ 6 เดือนต่อจากนี้ จะเป็นการทำงานจริง การปฏิบัติจริง เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ โดยเฉพาะการทำให้เกิดตลาดอาหารปลอดภัยให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในแง่ของตัวโครงสร้าง การบริหาร รวมไปถึงการสร้างทัศนคติและการยอมรับต่อแนวทางใหม่นี้ให้กับพ่อค่าแม่ค้าในตลาดทั้งสองแห่ง เพื่อให้ทั้งแนวคิด และวิธีปฏิบัติต่างๆ ได้ถูกนำไปใช้จริง
ด้านนายนิมิต สิทธิไตรย์ ประธานหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า จุดเด่นของงานวิจัยนื้คือการทำงานกับคนในพื้นที่ และเป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ ที่นำข้อมูลและข้อค้นพบมาทบทวนและปรับปรุงการทำวิจัยอยู่ตลอดเวลา ทำให้ตนเองมั่นใจว่าผลจากงานวิจัยนี้ จะได้รับการนำไปจริง ทั้งในส่วนของตลาดชองเทศบาล และตลาดของภาคเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ และขยายผลไปสู่ตลาดอื่นๆ ในจังหวัดอุบลราชธานีต่อไป