กรุงเทพฯ--1 ก.ค.--สหมงคล ฟิล์ม
เป็นที่กล่าวถึงและได้รับความสนใจมากที่สุดในวินาทีนี้สำหรับ "ต้มยำกุ้ง" หนังไทยแอ็คชั่นที่มาเพื่อหวังสร้างปรากฏการณ์แห่งความสำเร็จครั้งใหม่และยิ่งใหญ่กว่า จากทีมผู้สร้างภาพยนตร์เรื่อง "องค์บาก"โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นี่คือภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ในชีวิตของ "จา พนม ยีรัมย์" เจ้าของสโลแกน "ไม่ใช้สลิง ไม่ใช้ตัวแสดงแทน และแน่นอนว่าไม่ใช้ CG"
"ช้าง มวยคชสาร และจา พนม ยีรัมย์" คือ 3 เครื่องปรุงแรกที่จะถูกนำมาเผยอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้ใน “ต้มยำกุ้ง” เมนูไทยจานเด็ดที่ว่ากันว่าแพงที่สุดที่มีสนนค่าตัวสูงถึง 300 ล้านบาท ใน “องค์บาก” ผู้กำกับ “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” สื่อสารให้คนทั่วโลกได้เข้าใจถึงวัฒนธรรม ศรัทธา และแนวความคิดปฏิบัติของคนไทยที่มีต่อพุทธศาสนาให้ชาวต่างชาติได้รู้ว่าเศียรพระพุทธรูปสำหรับคนไทยแล้วหาใช่เครื่องประดับ แต่คือสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจซึ่งมีคุณค่าอันสูงส่ง
“สิ่งที่เราตั้งใจและยังคงไว้ใน ‘ต้มยำกุ้ง’ คือ การรักษาความเป็นไทยให้คนทั่วโลกได้รู้จัก และสร้างความเข้าใจอันถูกต้องถึงวัฒนธรรม แนวความคิด และประเพณี อันดีงามของคนไทย โดยหัวใจสำคัญคือวัฒนธรรมความเป็นอยู่จริง ๆ และความผูกพันที่สืบทอดกันมาระหว่างคนกับช้าง ซึ่งคนต่างชาติอาจไม่เคยรู้ ว่ามันลึกซึ้งถึงขนาดที่ว่าช้างเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา เพราะในปัจจุบันความเข้าใจที่ว่าประเทศเรามีช้าง แต่ว่าเราดูแลช้างไม่ดี ยังคงมีอยู่ตัวจา พนมในเรื่องจะนับถือช้างเป็นพ่อ เราเชื่อว่าหนังเรื่องนี้ออกไปคนที่ดูหนังเรื่องนี้แล้วจะเข้าใจคนไทย ประเทศไทยว่าเราดูแลช้างกันยังไงชีวิตความเป็นอยู่ ความผูกพันระหว่างคนกับช้างที่ชาวต่างชาติอาจไม่เคยเห็น นั่นคือหัวใจสำคัญที่ทำให้เราตัดสินใจทำเรื่องต้มยำกุ้ง” ปรัชญา ปิ่นแก้วเล่าให้ฟังถึงสาเหตุสำคัญที่เลือก “ช้าง” มาเป็นองค์ประกอบสำคัญของเครื่องปรุงแรกในเมนูเด็ดจานนี้ โดยยังคงมี “จา พนม ยีรัมย์” เจ้าของสโลแกน "ไม่ใช้สลิง ไม่ใช้ตัวแสดงแทน" มาร่วมปรุงแต่งรสชาติในฐานะผู้ถ่ายทอด "มวยคชสาร" ซึ่งนอกจากจะต้องโชว์ศิลปะการต่อสู้มวยไทยโบราณอีกระดับขั้นที่เน้นความแปลกใหม่แล้ว ยังถ่ายทอดถึงความรู้สึกผูกพันระหว่างช้างกับคน
“รับบทเป็น ‘ขาม’ ในเรื่องจะมีพ่อ 2 คน พ่อแท้ ๆ ซึ่งเป็นคน และ ‘พ่อใหญ่’ ซึ่งเป็นช้างประจำตระกูล มีลูกช้างชื่อ ‘ขอน’ ที่เรารู้สึกผูกพันเหมือนกับเป็นน้องแท้ ๆ โดยมีความฝันสูงสุดคือ ถวายช้างซึ่งตรงตามคชลักษณ์ให้กับ ‘ในหลวง’ การที่เติบโตมาในครอบครัวคนเลี้ยงช้างซึ่งสืบเชื้อสายมาจากทหารจตุรังคบาทเป็นองครักษ์ที่อยู่ประจำเท้าทั้ง 4 ข้างของช้างศึกในสมัยโบราณ เพื่อคอยปกป้องไม่ให้ข้าศึกเข้ามาทำร้ายช้าง อย่างเช่น ถ้าดาบหลุดมือเมื่อไหร่เขาก็จะมีท่ามวยที่ไว้ป้องกันตัวและใช้ในการต่อสู้เรียกว่า ‘ท่ามวยคชสาร’ ซึ่งเป็นมวยเกี่ยวกับช้าง ซึ่งเป็นมวยโบราณที่เน้นเกี่ยวกับการทุ่ม ทับจับ การหัก ที่เราจะนำมาให้เห็นในภาพยนตร์ โดยนำมาจากพฤติกรรม หรืออิริยาบถตามธรรมชาติของช้าง อย่างเช่น ช้างทำลายโลง, คชสารแทงโลง เอราวัณเสยงา หักงวงไอยรา ซึ่งล้วนเป็นท่ามวยเกี่ยวกับช้างทั้งสิ้น เป็นการนำเสนอมวยไทยในรูปแบบที่โดดเด่นชนิดที่ว่าหลายคนอาจไม่เคยได้สัมผัสและคนทั่วโลกก็อาจไม่รู้จัก”
อดใจไว้เตรียมตัวได้เปิบกันอย่างเป็นทางการ 11 สิงหาคม พ.ศ.2548 นี้แน่นอน
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--