กรุงเทพฯ--14 ส.ค.--ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี
บอร์ด "SUPER"ทุ่มงบ 180 ล้านบาทเข้าลงทุน 2 บริษัท " อพอลโล่ โซล่าร์ และ เมืองไทยน่าอยู่ เพื่อต่อยอดธุรกิจพลังงานทดแทน พร้อมแจ้งงบไตรมาส 2/62 สดใส กวาดรายได้ 1.58 พันล้านบาท รับอานิสงส์โครงการโรงไฟฟ้าสหกรณ์การเกษตร เฟส 2 ขนาดกำลังการผลิต 28 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าขยะ จ.สระแก้ว รับรู้ต่อเนื่อง ฟากบอส SUPER "จอมทรัพย์ โลจายะ" แย้มธุรกิจครึ่งปีหลังไปต่อจากการทยอยรับรู้รายได้โครงการโซลาร์ฯเวียดนาม พร้อมCODแล้ว วางเป้าหมายขึ้นแท่นผู้นำด้านพลังงานทดแทนของภูมิภาคเอเชีย ปี2563
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้บริษัท ซุปเปอร์โซล่าร์เอนเนอร์ยีจำกัด ("SSE") ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทเข้าทำสัญญาซื้อหุ้นในบริษัท อพอลโล่ โซล่าร์ จำกัด ("APL") ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท จากผู้ถือหุ้นเดิม 2 ราย ในสัดส่วน 25.57 %ของทุนจดทะเบียน โดยมีมูลค่าการเข้าทำรายการทั้งหมดไม่เกิน 50,625,000 บาท ซึ่งการเข้าซื้อหุ้นสามัญใน APL ครั้งนี้ส่งผลให้ SSE ถือหุ้นAPL เพิ่มขึ้นจากเดิม 48.86 % เป็น 74.43 %ของทุนจดทะเบียนของ APL ทั้งนี้ APL ดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ 2 โครงการกำลังการผลิตติดตั้ง 5.4 เมกะวัตต์
รวมทั้งให้บริษัท ซุปเปอร์ เอิร์ธ เอนเนอร์ยี จำกัด ("SUPER EARTH") เข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์โดยการเข้าซื้อหุ้นสามัญในบริษัท เมืองไทยน่าอยู่ จำกัด ( MNY") จาก บริษัท เอนเนอร์จี รีพลับบลิค จำกัด ("Energy Republic") ในสัดส่วน 92.54 %ของทุนจดทะเบียน โดยมีมูลค่าการเข้าทำรายการทั้งหมดไม่เกิน 120 ล้านบาท ซึ่งการเข้าซื้อหุ้นสามัญในเมืองไทยน่าอยู่ในครั้งนี้ส่งผลให้ SUPEREARTH เข้าถือหุ้นทางอ้อมในบริษัท หนองคายน่าอยู่ จำกัด ("NKNY") ในสัดส่วน 62%ของทุนจดทะเบียนของ NKNY รวมทั้งการจัดตั้ง บริษัทซุปเปอร์ วอเตอร์ พีพีเอส จำกัด บริษัททย่อย เพื่อรองรับการขยายธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำ 1,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 100,000 หุ้น ในมูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ซึ่งการขยายการลงทุนดังกล่าวจะเป็นเพิ่มโอกาสในการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น
สำหรับผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2562 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2562 ของบริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 1,580.66 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,439.72 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น จำนวน 140.94 ล้านบาท หรือ 9.78% ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 352.53 ล้านบาท
สาเหตุการเติบโตดังกล่าว มาจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์(โซลาร์ฟาร์ม) สหกรณ์การเกษตร เฟส 2 กำลังการผลิต 28 เมกะวัตต์ ที่มีการทยอยจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ไตรมาส 1 /2562 สามารถรับรู้ได้เต็มในไตรมาส โครงการโรงไฟฟ้าขยะ จ.สระแก้ว กำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ ซึ่งเปิดดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์เพิ่มเติม
สำหรับทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลัง มั่นใจว่ามีโอกาสขยายตัวต่อเนื่อง จากการรับรู้รายได้จากโครงการโซลาร์ฟาร์มเวียดนาม ที่ CODไปแล้ว เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยการจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) จำนวน 4 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตรวม 186.72 เมกะวัตต์
รวมทั้งจะมีโครงการใหม่ในเวียดนามเพิ่มอีก 1 โครงการ มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 50 เมกะวัตต์ ซึ่งจะสามารถจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนต.ค.นี้ นอกจากนี้ SUPERจะมี COD ในส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากขยะที่จังหวัดพิจิตร ขนาดกำลังการผลิต 9 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ยอดรวม COD สิ้นปีนี้แตะ 1,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบัน 800-900 เมกะวัตต์
นายจอมทรัพย์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันบริษัทฯ มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และสถาบันการเงินพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ รวมทั้งการเก็บเกี่ยวรายได้จากการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงการลงทุนเพิ่มเติมในตลาดต่างประเทศ โดยจะเข้าไปลงทุนในกลุ่มอาเซียมากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้บริษัทฯ ก้าวสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจพลังงานทดแทนในภูมิภาคเอเชียภายในปี 2563
"เรายังคงมองหาโอกาสในการลงทุน ด้านพลังงานทดแทนในตลาดต่างประเทศ ทั้งด้านโรงไฟฟ้าพลังงานลม และแสงอาทิตย์อย่างต่อเนื่องเพราะจะเห็นว่า ความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ตามอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในตลาด CLMV มีจีดีพีเติบโตค่อนข้างสูง อีกทั้งมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย (IRR )สูง ซึ่งจะสนับสนุนต่อช่องทางและฐานรายได้ในอนาคต และสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ทำให้บริษัทฯมีการเติบโตอย่างยั่งยืน" นายจอมทรัพย์กล่าว