กรุงเทพฯ--14 ส.ค.--เวิร์คลิ้งค์ ดาเอเจนซี่
KUMWEL ชี้ทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลังมีแนวโน้มดีจากการลงทุนภาครัฐและเอกชนหนุน ล่าสุดได้ส่งมอบงานวางระบบโครงการต้นแบบรถไฟความเร็วสูง (กรุงเทพฯ-โคราช) เสริมศักยภาพรายได้ในอนาคต ทยอยรับรู้รายได้เฟสแรกตั้งแต่ปลายปี 62 เป็นต้นไป พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์นวัตกรรมระบบป้องกันฟ้าผ่าแบบอัจฉริยะในวันที่ 23-24 ส.ค.นี้ ตอบโจทย์ทุกกลุ่มลูกค้า เผยผลงานครึ่งแรกปี 62 รายได้ 220.07 ล้านบาท กำไรสุทธิ 16.37 ล้านบาท
นายบุญศักดิ์ เกียรติจรูญเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คัมเวล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (KUMWEL) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบป้องกันฟ้าผ่าและเตือนภัยฟ้าผ่าอย่างครบวงจร ตามมาตรฐานสากล ภายใต้ตราสินค้า "Kumwell" เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งหลังปี 62 มองว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากการทยอยลงทุนของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทุกโครงการที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานมีความจำเป็นต้องติดตั้งอุปกรณ์และระบบสัญญาณเตือนภัยฟ้าผ่า ปัจจัยดังกล่าวถือเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทในอนาคต
ล่าสุด หลังจากที่บริษัทจัดทำโครงการต้นแบบวางระบบป้องกันและเตือนภัยฟ้าผ่าภายในโครงการรถไฟความเร็วสูง (กรุงเทพฯ-นครราชสีมา) ระยะทางรวม 249 กิโลเมตร ล่าสุดได้เข้าไปฝึกอบรมและให้ความรู้กับผู้รับเหมาโครงการแล้ว และได้ส่งมอบสินค้าในการอนุมัติใช้ในเฟสแรก จากทั้งหมด 14 เฟส ทั้งนี้ คาดว่าทยอยรับรู้รายได้เฟสแรกตั้งแต่ปลายปี 62 เป็นต้นไป
พร้อมกันนี้ บริษัทได้เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ "ระบบ Smart Lightning Management System" ซึ่งเป็นนวัตกรรมระบบป้องกันฟ้าผ่าแบบอัจฉริยะอย่างเป็นทางการ ในงานแสดงผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและเครื่องกลประจำปี 62 (TEMCA Forum & Exhibition 2019) ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 23-24 สิงหาคมนี้ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยบริษัทได้ทำการวิจัยและพัฒนาสินค้าร่วมกับลูกค้าทุกภาคส่วน อาทิ ภาคการไฟฟ้า กลุ่มภาคคมนาคม กลุ่มภาคการสื่อสารโทรคมนาคม กลุ่มอาคารสิ่งปลูกสร้าง กลุ่มภาคอุตสาหกรรม และกลุ่มภาคความมั่นคงของชาติ
"ผลิตภัณฑ์ใหม่จะช่วยสนับสนุนยอดขายให้มีความชัดเจนมากขึ้นในอนาคต และช่วยให้ยอดขายมีอัตราการเติบโตที่ดี สำหรับเป้าหมายรายได้ทั้งปี 62 บริษัทคาดจะเติบโตใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 469.72 ล้านบาท" นายบุญศักดิ์กล่าว
นายบุญศักดิ์ กล่าวเสริมว่า ภายหลังการระดมทุน KUMWEL จะสามารถสร้างการเติบโตได้ดี จากฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและความพร้อมในการดำเนินธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับการเติบโตของตลาด ทั้งนี้หลังจากที่ได้รับเงินระดมทุน จาก IPO จำนวน 143 ล้านบาท จะส่งผลให้บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อทุน (D/E ) ลดลงจาก 0.34 เท่า ณ ไตรมาส 2/62 มาอยู่ที่ระดับ 0.24 เท่า และปัจจุบันบริษัทมีกำไรสะสมที่ยังไม่ได้จัดสรรประมาณ 172 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่จะช่วยสร้างโอกาสดีให้กับนักลงทุน และผู้ถือหุ้นทุกท่านด้วยเช่นกัน โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักสำรองต่าง ๆ
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/62 บริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 110.88 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 7.37 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการครึ่งแรกปี 62 บริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 220.07 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 16.37 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าแผนงานและกลยุทธ์ในการปรับปรุงการบริหารจัดการทั้งด้านการขาย และต้นทุนการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพ โดยเพิ่มความสำคัญในการรับงานมากขึ้น โดยเฉพาะงานวางระบบ Smart Lightning Management System นวัตกรรมระบบป้องกันฟ้าผ่าแบบอัจฉริยะ จะส่งผลให้ผลประกอบการทั้งปีเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ต่างประเทศประมาณ 20% และในประเทศประมาณ 80% แบ่งเป็นลูกค้า 6 กลุ่มหลัก ได้แก่ ภาคการไฟฟ้าและพลังงาน 24.67% ภาคสิ่งปลูกสร้าง 29.88% ภาคอุตสาหกรรม 11.77% ภาคคมนาคม 9.20% ภาคการสื่อสารโทรคมนาคม 1.39% และภาคความมั่นคงทางทหาร 0.10%