กรุงเทพฯ--15 ส.ค.--ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ("MINT") ประกาศกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว) สูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับไตรมาส 2 จำนวน 2,101 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2562 ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า จากกำไรสุทธิจากการดำเนินงานจำนวน 1,084 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2561 นอกจากนี้ การขายและเช่ากลับโรงแรม 3 แห่งในประเทศโปรตุเกส ซึ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อเดือนกรกฎาคม ส่งผลให้ MINT มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นประมาณ 2,100 ล้านบาท โดย MINT จะรับรู้กำไรสุทธิดังกล่าวในไตรมาส 3 ปี 2562 ทั้งนี้ หากนับรวมรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว MINT มีกำไรสุทธิตามงบการเงินจำนวน 1,786 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2562 เมื่อเทียบกับ 1,205 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2561 สำหรับช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 MINT มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานจำนวน 2,734 ล้านบาท และกำไรสุทธิตามงบการเงินจำนวน 2,369 ล้านบาท
กำไรสุทธิจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 94 ในไตรมาส 2 ปี 2562 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการรวมงบการเงินของเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป และผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธุรกิจโรงแรมของ MINT ในขณะที่ MINT ได้รับรู้กำไรส่วนเพิ่มจากการรวมงบการเงินของเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ปจำนวน 1,461 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2562 กำไรสุทธิของธุรกิจโรงแรมของ MINT (ไม่รวมเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป) เติบโตเกือบ 3 เท่าในไตรมาสดังกล่าว โดยการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิของธุรกิจโรงแรม ช่วยลดผลกระทบจากการชะลอตัวของธุรกิจโรงแรมภายใต้สิทธิบริหารจัดการห้องชุดในประเทศออสเตรเลีย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และผลการดำเนินงานที่อ่อนตัวของไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์ นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าไมเนอร์ ฟู้ดในประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากการบริโภคภายในประเทศที่ชะลอตัว แต่ธุรกิจร้านอาหารในประเทศจีนมีผลการดำเนินงานที่ดี โดยมีกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2562 เมื่อเทียบกับการขาดทุนสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2561 เนื่องมาจากการเติบโตของยอดขายต่อร้านเดิมและการขยายสาขา
การเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิจากธุรกิจโรงแรมของ MINT (ไม่รวมเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป) เกือบ 3 เท่าในไตรมาส 2 ปี 2562 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2561 มีสาเหตุมาจากกลุ่มโรงแรมที่ MINT เป็นเจ้าของเอง โดยเฉพาะโรงแรมภายใต้แบรนด์ของ MINT เอง โดยเฉพาะแบรนด์อนันตรา และทิโวลี ทั้งนี้ หากไม่รวมโรงแรมที่บริหารโดยบุคคลอื่น ได้แก่ แมริออท, โฟร์ซีซั่นส์, เซ็นต์ รีจิส และ เรดิสัน บลู กำไรสุทธิของโรงแรมภายใต้แบรนด์ของ MINT เอง (ไม่รวมเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป) เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าถึง 25 เท่า ส่วนเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ปมีการเติบโตของกำไรสุทธิอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 2 ปี 2562 โดยเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ปมีกำไรสุทธิจำนวน 58 ล้านยูโรในไตรมาส 2 ปี 2562 เพิ่มขึ้นร้อยละ 35 จากไตรมาส 2 ปี 2561 เนื่องมาจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น การควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และต้นทุนทางการเงินที่ลดลง โดย MINT เริ่มรวมงบการเงินของเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ปตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2561
MINT ยังคงมั่นใจในผลการดำเนินงานตลอดทั้งปี 2562 จากความหลากหลายทางธุรกิจและทางภูมิศาสตร์ รวมถึงความแข็งแกร่งของพื้นฐานทางธุรกิจในระยะยาว โดยเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ปได้แสดงให้เห็นถึงผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งเหนือกว่าคู่แข่งในทวีปยุโรป ในช่วงครึ่งปีแรก และยังคงมีแนวโน้มที่ดีต่อไปในช่วงที่เหลือของปี นอกจากนี้ MINT จะเริ่มได้รับประโยชน์จากการรวมการดำเนินงานครั้งแรกกับเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป คือ การโอนการดำเนินงานของกลุ่มโรงแรมทิโวลีไปอยู่ภายใต้เอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป นอกจากนี้ ด้วยนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นการเติบโตของประเทศ เศรษฐกิจของประเทศไทยและการบริโภคภายในประเทศคาดว่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้น
ในเดือนกรกฎาคมปี 2562 MINT ประสบความสำเร็จทั้งในเชิงกลยุทธ์และเชิงผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นในการเข้าทำธุรกรรมการขายและเช่ากลับโรงแรมทิโวลี 3 แห่งในประเทศโปรตุเกส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงินของ MINT โดย MINT จะรับรู้กำไรจากการขายประมาณ 62 ล้านยูโร (มากกว่า 2.1 พันล้านบาท) ในไตรมาส 3 ปี 2562 ซึ่งจะช่วยเพิ่มฐานส่วนของผู้ถือหุ้น นอกจากนี้ เงินสดสุทธิที่ได้รับจากราคาขายได้ถูกนำไปชำระคืนเงินกู้ ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงอยู่ที่ 1.3 เท่า ภายในสิ้นปี 2562 ตามที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้
ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท: บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจระดับสากล โดยประกอบ 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ MINT ดำเนินธุรกิจโรงแรมทั้งในรูปแบบเป็นเจ้าของเอง บริหารจัดการ และร่วมลงทุน โดยมีโรงแรมและเซอร์วิส สวีท ทั้งสิ้น 524 แห่ง ภายใต้เครื่องหมายการค้าอนันตรา, อวานี, โอ๊คส์, ทิโวลี,
เอ็นเอช คอลเลคชั่น, เอ็นเอช โฮเทลส์, นาว, เอเลวาน่า, แมริออท, โฟร์ซีซั่นส์, เซ็นต์ รีจิส, เรดิสัน บลู และโรงแรมในกลุ่มไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ใน 54 ประเทศในเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง แอฟริกา คาบสมุทรอินเดีย ยุโรป อเมริกาใต้ และอเมริกาเหนือ นอกจากนี้ MINT เป็นผู้นำในธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย โดยมีร้านอาหารกว่า 2,200 สาขา ใน 27 ประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้าเดอะ พิซซ่า คอมปะนี, สเวนเซ่นส์, ซิซซ์เลอร์, แดรี่ ควีน, เบอร์เกอร์ คิง, ไทย เอ็กซ์เพรส, เดอะ คอฟฟี่ คลับ, ริเวอร์ไซด์ และเบนิฮานา อีกทั้งยังเป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์และรับจ้างผลิต ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ภายใต้เครื่องหมายการค้าอเนลโล่, โบเดิ้ม, บอสสินี่, บรูคส์ บราเธอร์ส, ชาร์ล แอนด์ คีธ, เอสปรี, เอแตม, โจเซฟ โจเซฟ, โอวีเอส, แรทลีย์, เซฟ มาย แบค, สโกมาดิ, สวิลลิ่ง เจ. เอ. เฮ็งเคิลส์ และไมเนอร์ สมาร์ท คิดส์ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ www.minor.com