ประเมินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาล

ข่าวทั่วไป Monday August 19, 2019 11:02 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 ส.ค.--สถาบันเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นมาตรการชั่วคราวเน้นไปที่ภาคการบริโภคและภาคการท่องเที่ยว อาจได้ผลไม่มากเพราะเศรษฐกิจไทยมีโครงสร้างผูกขาดสูง ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจกระจุกตัว โครงสร้างเศรษฐกิจพึ่งพาภายนอกสูง แนวโน้มการค้าโลกนั้นจะชะลอตัวลงไปมากกว่าเดิม สิงคโปร์จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในไตรมาสสามปีนี้หลังจากที่จีดีพีไตรมาสสองติดลบ 3.3% มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจบรรเทาความเดือดร้อนได้บ้างแต่ไม่ยั่งยืน และ ทำให้เกิดข้อจำกัดเรื่องฐานะทางการคลังมากขึ้นตามลำดับ การจะฟื้นเศรษฐกิจด้วยกำลังซื้อภายในต้องกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนและการบริโภคภาคเอกชนซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 51% ของจีดีพี 14.00 น. 18 ส.ค. 2562 ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฎิรูป สถาบันเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต สถาบันเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป ผศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป สถาบันเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดของรัฐบาลเป็นมาตรการชั่วคราวเน้นไปที่ภาคการบริโภคและภาคการท่องเที่ยว เป็นมาตรการสูตรเดิมๆที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ อาจช่วยบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนได้บ้างและไม่น่าจะได้ผลมากนักเพราะเศรษฐกิจไทยมีโครงสร้างผูกขาดสูง ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจกระจุกตัว โครงสร้างเศรษฐกิจพึ่งพาภายนอกสูง ต้องแก้ไขโดยลดอำนาจผูกขาดและปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้พึ่งพาตลาดภายในมากขึ้น แนวโน้มการค้าโลกนั้นจะชะลอตัวลงไปมากกว่าเดิม สิงคโปร์เป็นระบบเศรษฐกิจที่ชี้ทิศทางการชะลอตัวของการค้าโลกได้เป็นอย่างดี โดยคาดว่า สิงคโปร์จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในไตรมาสสามปีนี้หลังจากที่จีดีพีไตรมาสสองติดลบ 3.3% ในส่วนของมาตรการแจกเงิน 1,000 บาทโดยมีเป้าหมายไว้ที่ 10 ล้านคนสำหรับการท่องเที่ยวเมืองรองนั้น หากมีคนมาลงทะเบียนตามเป้าหมายจริง รัฐบาลจะใช้งบประมาณหนึ่งหมื่นล้านบาทสำหรับมาตรการนี้ คงจะกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรองได้บ้างแต่เงิน 1,000 บาทจะหมดไปกับค่าเดินทางและค่าน้ำมัน และยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเมื่อประชาชนรับเงินไปแล้วจะไปเที่ยวเมืองรองตามนโยบายหรือไม่ นอกจากนี้ หากมีกลไกไปกำกับก็จะเพิ่มต้นทุนและความยุ่งยากในการทำตามนโยบายอีก ประชาชนระดับฐานรากซึ่งควรเป็นกลุ่มเป้าหมายที่รัฐบาลต้องดูแลอาจไม่ได้ประโยชน์อะไรมากนัก ยังเป็นการแก้ปัญหาแบบไม่ตรงจุดไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย การแจกเงินแบบนี้ในที่สุดเงินจะลงไปที่โรงแรม ร้านอาหารหรือร้านของฝากใหญ่ๆ คนที่ได้ประโยชน์จากงบแจกเงินเที่ยวจะไม่ใช่กลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจและช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้ นโยบายแจกเงินให้เที่ยวจึงเป็นนโยบายที่ไม่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นและฟื้นเศรษฐกิจโดยภาพรวมและน่าจะเป็นนโยบายที่มีปัญหาในเรื่องกรอบความคิดในการกำหนดนโยบาย เป็นกรอบความคิดในการแก้ปัญหาแบบแยกส่วน คิดแบบจุลภาค เป็นกรอบคิดแบบการตลาดและแก้ปัญหาแบบนักธุรกิจ ไม่ใช่กรอบคิดการบริหารระบบเศรษฐกิจหรือใช้มุมมองแบบมหภาค ปัญหาท่องเที่ยวไทยทรุดตัวเป็นผลจากกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ชะลอตัวอย่างแรงมากกว่า การแจกเงินให้เที่ยวจึงไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก ผศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจฯ กล่าวอีกว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจบรรเทาความเดือดร้อนได้บ้างแต่ไม่ยั่งยืน เป็นการกระตุ้นอุปสงค์ระยะสั้น ไม่ได้เพิ่มรายได้ระยะยาว ไม่ได้เพิ่มผลิตภาพหรือโอกาสในการจ้างงาน และ ทำให้เกิดข้อจำกัดเรื่องฐานะทางการคลังมากขึ้นตามลำดับ นอกจากนี้หากเศรษฐกิจไม่เติบโตตามเป้าและมีหนี้เสียเกิดขึ้นจากโครงการปล่อยกู้ เกิดภาระผูกพันต่อหนี้สาธารณะในอนาคตจากนโยบายกึ่งการคลังที่ดำเนินการผ่านธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ หากเศรษฐกิจไม่เติบโตตามเป้าและมีหนี้เสียเกิดขึ้นจากโครงการปล่อยกู้ มาตรการสินเชื่อให้เกษตรกรและแจกเงินเพื่อลดต้นทุนการผลิตผ่านธนาคารเฉพาะกิจของรัฐประมาณ 200,000 ล้านบาท มาตรการเพิ่มเงินให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 300-500 บาท มาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ปล่อยกู้ธุรกิจรายเล็ก มาตรการเหล่านี้อาจบรรเทาผลกระทบชะลอตัวเศรษฐกิจได้บ้างแต่ประสิทธิภาพของมาตรการจะขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของประชาชนต่อเศรษฐกิจในอนาคตด้วย โดยเศรษฐกิจยังไม่มีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางดีขึ้น ดร. อนุสรณ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ส่วนมาตรการลดหย่อนภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนภายในประเทศนั้นเป็นมาตรการที่ดีและจะมีความยั่งยืนกว่ามาตรการอื่นๆและน่าจะเพิ่มผลิตภาพของทุน (Capital Productivity) ได้ระดับหนึ่ง โดยสัดส่วนของภาคการลงทุนต่อจีดีพีของเศรษฐกิจไทยอยู่ที่ 24% และ 18% เป็นการลงทุนภาคเอกชน ส่วนการลงทุนภาครัฐอยู่ที่ 6% การจะฟื้นเศรษฐกิจด้วยกำลังซื้อภายในต้องกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนและการบริโภคภาคเอกชนซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 51% ของจีดีพี

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ