กรุงเทพฯ--19 ส.ค.--กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง
เทพหุ้นเชียร์ "ซื้อ" หุ้น บมจ. กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) การันตีผลงานครึ่งปีหลังเติบโตโดดเด่นกว่าครึ่งปีแรก รับอานิสงส์เข้าสู่ช่วง High Season ของโรงไฟฟ้าพลังงานลม แถมได้งาน EPC หนุนเต็มสูบ และรอลุ้นข่าวดีอีกเพียบ ทั้งโครงการ Utsunomiya ที่ญี่ปุ่น-ดีลซื้อกิจการโรงไฟฟ้าที่เวียดนาม และแผน PDP 2018 ที่ส่งผลบวกต่อผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม เป้า 3.38 บาทต่อหุ้น
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เผยแพร่บทวิเคราะห์ ระบุว่า จากการที่ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (GUNKUL) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2562 มีรายได้หลักอยู่ที่ 1,521 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้น 54.1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 53.2% ดีกว่าที่คาดไว้ที่ 46.3% และเพิ่มขึ้นจาก 43.0% ในไตรมาส 1/2562 และ 46.7% ในไตรมาส 2/2561 จากสัดส่วนรายได้ธุรกิจโรงไฟฟ้าที่สูงกว่าคาด และอัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจ Trading ทำได้ถึง 36.9% จากปกติที่ 25-26%
ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมอยู่ที่ 73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5% เทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และ 8.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเป็น High season ของโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ และแดดปีนี้ดีกว่าปีที่แล้ว กำไรสุทธิ 437 ล้านบาท และกำไรปกติอยู่ที่ 421 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97.9% เทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้น 232.8% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 15 ล้านบาท รายได้อื่นๆ 12 ล้านบาท และตั้งสำรองประโยชน์พนักงานอีก 10 ล้านบาท
ฝ่ายวิจัยจึงแนะนำ"ซื้อ" โดยประเมินว่าแม้ กำไรปกติไตรมาส 2/2562 จะดีกว่าคาดถึง 30% แต่ด้วยกำไรปกติครึ่งปีแรกอยู่ที่ 634 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 35% ของประมาณการกำไรทั้งปีของฝ่ายวิจัยที่ 1,817 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.9%เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือว่ายังอยู่ในกรอบประมาณการ ทำให้ลดความเสี่ยงในการถูกปรับประมาณการลง
ทั้งนี้ คาดว่ากำไรครึ่งปีหลังของ GUNKUL จะโดดเด่นกว่าครึ่งปีแรกค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของโรงไฟฟ้าพลังงานลม และมีการรับรู้รายได้จากงาน EPC เข้ามาค่อนข้างมากในไตรมาส4/2562 โดย GUNKUL มีประเด็นเก็งกำไรหลักๆ คือ 1.โครงการ Utsunomiya ในประเทศญี่ปุ่น ที่คาดว่าจะได้เอกสารรับรองให้ก่อสร้างได้ภายในเดือนนี้ 2.อยู่ระหว่างเจรจาซื้อกิจการโรงไฟฟ้าในประเทศเวียดนามอย่างน้อย1 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ และ 3.แผน PDP 2018 ที่อาจมีการปรับใหม่ตามคาดว่าจะเป็นบวกต่อผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นปรับตัวลงนับตั้งแต่ทางวิจัยลดคำแนะนำเป็น TRADING เมื่อวันที่ 31 ก.ค.แล้ว 8% ทำให้ปัจจุบันกลับมาซื้อขายที่ PER 2562 ต่ำเพียง 14.1 เท่า และมี Upside gain เพิ่มขึ้นเป็น 17.4% จึงปรับคำแนะนำขึ้นเป็น "ซื้อ" คงเป้าราคา 3.38 บาท