กรุงเทพฯ--19 ส.ค.--ปัญจวัฒนาพลาสติก
PJW ส่งสัญญาณครึ่งปีหลังแนวโน้มดีกว่าครึ่งปีแรก ประเมินรายได้ปีนี้ทะลุเป้าหมายเติบโต 8-10% เนื่องจากโรงพ่นสีในไทยกลับมาคึกคัก พร้อมเริ่มผลิตโปรดักส์ใหม่ สร้างรายได้เพิ่ม ขณะที่ธุรกิจในจีนปีนี้จะทยอยรับรู้รายได้ประมาณ 100 ล้านบาท และมียอดขายสะสมยาวถึงปีหน้าอีกกว่า 280 ล้านบาท ฟาก"วิวรรธน์ เหมมณฑารพ" ประธานกรรมการบริหาร เผยอยู่ระหว่างศึกษาการผลิตสินค้ามาร์จิ้นสูง หนุนการเติบโตในอนาคต
นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก จำกัด (มหาชน) หรือ PJ W เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังจะดีว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากโรงงานพ่นสีในไทยที่เริ่มกลับมาดำเนินการเชิงพาณิชย์ และเริ่มผลิตโปรดักส์ใหม่มากขึ้น โดยรายได้จะทยอยเข้ามาช่วงครึ่งปีหลังรวมทั้งจะมีรายได้จากธุรกิจในประเทศจีน ซึ่งมาจาก บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก (เจียงซู) ดำเนินธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก ซึ่งจะเริ่มดำเนินธุรกิจตั้งแต่ช่วงกลางปี 2561 และมีคำสั่งซื้อเข้ามาตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 3/62 อย่างไรก็ตาม ปีนี้คาดว่าจะมีรายได้จากเจียงซู ประมาณ 100 ล้านบาท และในปีหน้ามีรายได้เข้ามาประมาณ 280 ล้านบาท
"ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในครึ่งแรกของปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้เติบโต 10% ดังนั้นภาพรวมทั้งปีน่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากยอดขายทั้งในไทย และจีนจะเพิ่มขึ้น จากที่การรับผลิตชิ้นส่วนรุ่นใหม่ ตลอดจนต้นทุนเม็ดพลาสติกก็ลดลงด้วย รวมทั้งมีการขึ้นชิ้นงานตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ใหม่ ของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์นม และนมเปรี้ยว ช่วยสนับสนุนการเติบโต"
ประธานกรรมการบริหาร กล่าวว่า บริษัทฯมีความสนใจที่จะผลิตสินค้ามาร์จิ้นสูง ประเภทถังและบรรจุภัณฑ์เคมิคอล เพื่อขายในประเทศจีน หลังจากมีความต้องการด้าน Safety มากขึ้น ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาพันธมิตรในยุโรป คาดว่าจะมีความคืบหน้าปลายปี 2562 นี้ ขณะเดียวกัน อยู่ระหว่างการศึกษาการผลิตสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงในส่วนของพลาสติกที่ใช้ในโครงการโซลาร์ลอยน้ำของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) อย่างไรก็ตาม คงต้องขึ้นอยู่กับความคืบหน้าของโครงการดังกล่าวด้วย
อนึ่ง บริษัทฯรายงานผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 2562 มีรายได้รวม 1,639.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากงวดเดียวกันปีก่อนมีรายได้เท่ากับ 1,490.65 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นรวมเท่ากับ 15.24% เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนที่ 13.62% เนื่องจากบริษัทมีการควบคุมต้นทุนการผลิตของงานขายเชิงพาณิชย์ของผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ดีขึ้น ทำให้กระบวนการผลิตมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดความสูญเสียได้ในหลายๆด้าน
อย่างไรก็ตาม ในงวดไตรมาส 2/62 บริษัทฯมีผลขาดทุนสุทธิเท่ากับ 1.45 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯรับรู้ผลประโยชน์พนักงานจากการแก้ไขโครงการผลประโยชน์พนักงาน เป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในงวด 11.47 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทฯ ได้รับรู้ขาดทุนจากสัญญาประนีประนอมยอมความกับผู้รับจ้างผลิตแม่พิมพ์แห่งหนึ่ง 6.5 ล้านบาท และมีผลขาดทุนจากโรงพ่นสีเพิ่มประมาณ 5 ล้านบาท จากการทดลองตัวอย่างผลิตภัณฑ์ใหม่