กรุงเทพฯ--19 ส.ค.--ไอทูซี คอมมิวนิเคชั่นส์
"ซาบีน่า" เผยครึ่งหลังปีนี้เตรียมปรับกลยุทธ์รองรับเศรษฐกิจชะลอตัว แม้รัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นชุดใหญ่ แต่ยังต้องจับตากำลังซื้ออย่างใกล้ชิด ย้ำมุ่งรักษาอัตรากำไรให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ ลั่นพอใจผลการดำเนินงานงวดครึ่งแรกของปีนี้ ที่มีรายได้รวม 1,643.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 1,475.1 ล้านบาท คิดเป็น 168 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11.4% ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 200.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.2 ล้านบาท คิดเป็น 13.7% จากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 175.8 ล้านบาท โดยอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 12.2% ปลื้มกำไรจากการดำเนินงานปกติไม่รวมค่าใช้จ่ายพิเศษตามกฎหมายแรงงาน รวม214 ล้านบาท สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ผู้ผลิตและจำหน่ายชุดชั้นในแบรนด์ "ซาบีน่า" เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เป็นช่วงที่บริษัทฯ ต้องจับตาและประเมินสถานการณ์กำลังซื้อของผู้บริโภคอย่างใกล้ชิด ตามภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ชะลอตัวลงชัดเจน สะท้อนผ่านดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัว แม้ว่าล่าสุดรัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ แต่การตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคยังมีความหวั่นไหวสูง ดังนั้น บริษัทฯ จึงอยู่ระหว่างการปรับกลยุทธ์ โดยเฉพาะทางด้านการตลาดที่จะต้องเน้นกลุ่มหรือ Segment ของสินค้าให้ชัดเจนว่าเป็นกลุ่มที่สามารถขับเคลื่อนยอดขาย ทั้งนี้ เพื่อรักษาอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่สำคัญของบริษัทฯ
"ครึ่งหลังของปีนี้ เราต้องปรับตัว ปรับแผนและปรับกลยุทธ์ ซึ่งแน่นอนว่า ภายใต้เศรษฐกิจในภาวะนี้เป็นโจทย์ที่ยากและท้าทายผู้ประกอบการ แต่หลายครั้งที่ผ่านมา การปรับตัวและปรับกลยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสินค้าไฮไลท์สำหรับทำตลาด หรือการมองหาช่องทางการขายที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการควบคุมต้นทุนให้มีประสิทธิภาพนั้น จะช่วยลดความไม่แน่นอนจากภาวะแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยให้กับเราได้ในระดับหนึ่ง" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABINA กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรก ซึ่งมีรายได้รวมเติบโตขึ้นกว่า 11.4% สูงกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 10% โดยยอดขายในช่องทางออนไลน์เติบโตขึ้น 47.5% ขณะที่ยอดขายผ่านช่องทางรีเทล ผ่านเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้าและซาบีน่า ช็อป เติบโตขึ้น 8.4% การส่งออกแบรนด์ซาบีน่าในกลุ่มประเทศ CLMV เพิ่มขึ้น 25.6% และการรับผลิตหรือ OEM ลดลง 1.7% โดยบริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) อยู่ที่ 54% อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ บริษัทฯ ได้ตั้งค่าใช้จ่ายพิเศษผลประโยชน์พนักงานตามกฎหมายแรงงาน จำนวน 14 ล้านบาท ซึ่งถ้าหากหักค่าใช้จ่ายพิเศษดังกล่าวออกไป บริษัทฯ จะมีกำไรปกติจากการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกเท่ากับ 214 ล้านบาท ถือว่าเป็นตัวเลขกำไรที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์
และจากผลการดำเนินงานดังกล่าว ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ จึงได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือนปี 2562 ในอัตราหุ้นละ0.57 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 27 สิงหาคม 2562 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 6 กันยายน 2562