กรุงเทพฯ--19 ส.ค.--ซีพีเอฟ
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ มุ่งมั่นสู่องค์กรแห่งความสุขในการทำงาน สานต่อโครงการปลดหนี้ให้กับพนักงาน ควบคู่กับการสร้างวินัยในการออมเงิน พร้อมทั้งจับมือแบงก์เดินสายให้ความรู้เพื่อวางแผนทางการเงินอย่างเหมาะสม
นายสมพร เจิมพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทฯให้ความสำคัญกับการสร้างความสุขในการทำงานของพนักงานในองค์กร ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่นำมาสู่ประสิทธิผลและคุณภาพของงานที่ดี ซึ่งสายธุรกิจสุกรของซีพีเอฟ ได้เริ่มโครงการ"ปลดหนี้ สร้างสุข และส่งเสริมการออม" เมื่อปี 2558 และขยายผลไปยังสายธุรกิจและหน่วยงานอื่นในซีพีเอฟ เพื่อช่วยปลดหนี้ให้กับพนักงานที่ไม่สามารถแก้ปัญหาหนี้ได้ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะหนี้นอกระบบและหนี้บัตรเครดิตซึ่งคิดอัตราดอกเบี้ยสูง
จากการติดตามผลของโครงการพบว่าพนักงานพึงพอใจโครงการดังกล่าวสามารถแก้ปัญหาหนี้ได้จริง พนักงานมีวินัยและมีความรอบคอบในการใช้เงินมากขึ้น รู้จักวางแผนการเงิน การทำบัญชีรายรับ –รายจ่ายของครัวเรือน สามารถจัดสรรเงินเพื่อเก็บออมในแต่ละเดือนได้ นำมาสู่การวางแผนทางการเงินที่เหมาะสมของแต่ละราย และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน เพราะไม่ต้องเครียดและกังวลกับภาระหนี้
นายวิชิต อุปนันท์ หรือปุ้ย วัย 38 ปี คนงานในฟาร์มสุกรจอมทอง จ.เชียงใหม่ ซึ่งต้องเลี้ยงดูบิดา มารดา และบุตรอีก 1 คน กล่าวว่า เคยกู้เงินนอกระบบและมีหนี้บัตรเครดิตอีก 3 ใบ รวมหนี้ประมาณ 1 แสนบาท ขณะนั้นมีรายได้ 9,000 บาทต่อเดือน ต้องจ่ายหนี้ขั้นต่ำรวมทั้งหมด 8 ,000 บาท เหลือเงินใช้จ่ายแค่เดือนละ 1,000 บาท ต้องรับจ้างเก็บลำใยเพื่อหารายได้เพิ่มเติม แต่ก็ยังไม่พอใช้จ่าย ชีวิตไม่มีความสุข เมื่อบริษัทฯมีโครงการปลดหนี้ ฯ จึงสมัครเข้าโครงการปลดหนี้ ฯ โดยกู้เงินจำนวน 1 แสนบาท มาชำระหนี้เงินกู้นอกระบบและหนี้บัตรเครดิต ทุกวันนี้ชำระหนี้หมดแล้ว และมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น ทำให้ ในแต่ละเดือนยังสามารถจัดสรรเงินออมเดือนละ 3,000 บาท เงินออมที่เก็บไว้นำมาลงทุนในสวนลำใยมีรายได้ปีละ 4-5 หมื่นบาท นอกจากนี้ ตั้งแต่เข้าโครงการฯจนถึงปัจจุบันก็ยังทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายของครัวเรือนอย่างต่อเนื่อง เพราะทำให้เรารู้ว่าใช้เงินไปอย่างไร ช่วยให้เราวางแผนการเงินดีขึ้น
นางสิริพิชญา มากด่าน หรือ ป้านี อายุ 55 ปี แม่บ้านประจำฟาร์มสุกรวังทอง จ.พิษณุโลก ซึ่งเข้าโครงการปลดหนี้และปัจจุบัน ชำระหนี้หมดแล้ว เล่าว่า สมัครเข้าโครงการฯเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เนื่องจากมีภาระหนี้หลายทาง ส่วนหนึ่งเป็นหนี้ที่กู้มาจากบริษัทที่ปล่อยเงินกู้จำนวน 50,000 บาท ซึ่งผ่อนจ่ายชำระหนี้เดือนละ 1,000 บาท แต่มาทราบทีหลังว่าเงินที่ชำระหนี้หักเงินต้นได้เพียง 200 บาท ที่เหลือเป็นดอกเบี้ยทั้งหมด มานั่งคิดว่าเมื่อไหร่จะใช้หนี้ได้หมดจึงตัดสินใจเข้าโครงการปลดหนี้ฯ ตอนนี้ชำระหนี้หมดแล้วก่อนที่ตัวเองจะเกษียณปีนี้
"เราใช้หนี้หมดแล้ว มันก็รู้สึกโล่ง จากเดิมที่ต้องมานั่งกังวลว่า จะเอาเงินทีไหนมาใช้หนี้ และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะใช้หนี้หมด คุยกับเพื่อนๆพนักงานที่มีภาระหนี้ ทุกคนบอกว่าโครงการปลดหนี้ช่วยพนักงานได้จริงๆ เพราะทำให้เราสามารถปลดหนี้ได้เร็ว ไม่ใช่เฉพาะปลดหนี้ แต่สร้างวินัยทางการเงิน และไม่กลับไปเป็นหนี้อีก " ป้านีเล่า
นางจิตภินันท์ รัตนชัยสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ ด้านบริหารงานพนักงานสัมพันธ์ ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟ
ให้ความสำคัญกับการสร้างความสุขในการทำงานของพนักงานในองค์กร ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่นำมาสู่ประสิทธิผลและคุณภาพของงานที่ดี จึงได้ร่วมมือกับสถาบันการเงิน (ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารธนชาต ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ) ดำเนินโครงการปลดหนี้สร้างสุขและส่งเสริมการออมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พนักงานในองค์กร พนักงานในโรงงานและฟาร์ม เข้าถึงสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยที่สมเหตุสมผล ช่วยแก้ปัญหาหนี้บัตรเครดิต หนี้นอกระบบ หรือแม้แต่การรีไฟแนนซ์สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ฯลฯ นอกจากนี้ บริษัทฯและพนักงานของธนาคารที่มีความชี่ยวชาญด้านสินเชื่อ มีการเดินสายจัดกิจกรรมให้ความรู้ด้านบริหารเงิน การทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายครัวเรือน การวางแผนการเงิน ฯ ให้แก่พนักงานโรงงานและฟาร์มทั่วประเทศด้วย
ทั้งนี้ ตั้งแต่ ส.ค . 61- ก.ค. 62 มีจำนวนพนักงานของโรงงานและฟาร์มของสายธุรกิจสุกรและสายธุรกิจอื่นๆของซีพีเอฟและเครือเจริญโภคภัณฑ์ เข้าโครงการปลดหนี้ฯและผ่านการอนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงินรวม 748 ราย วงเงินอนุมัติรวมประมาณ 336 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการขอกู้เพื่อชำระหนี้นอกระบบ หนี้บัตรเครดิต นอกจากนี้ บางรายเป็นการขอกู้เพื่อรีไฟแนนซ์สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย.