กรุงเทพฯ--18 ก.พ.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้มีการค้ำประกันของ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “AA-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตสะท้อนความเป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของกลุ่มบริษัทไทยเบฟ ความสามารถและประสบการณ์ของคณะผู้บริหาร และการประหยัดจากขนาดเนื่องจากการเป็นผู้ประกอบการขนาดใหญ่ เครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวาง กระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่สม่ำเสมอ และโครงสร้างเงินทุนของบริษัทที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรงและความเสี่ยงจากข้อบังคับทางกฎหมายที่อาจกระทบต่อการขยายตัวของความต้องการในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทไทยเบฟเวอเรจจะยังคงดำรงความสามารถในการแข่งขันและคงสถานะความเป็นผู้นำในตลาดเบียร์และสุราแม้ว่ายังจะต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้นทั้งจากผู้ผลิตเบียร์ไทยและผู้นำเข้าสุราจากต่างประเทศ ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาฐานะทางการเงินที่รอบคอบในปัจจุบันเอาไว้ได้โดยที่ไม่มีแผนการซื้อกิจการโดยการกู้ยืมเงินจำนวนมาก
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทไทยเบฟเวอเรจเป็นผู้นำทางการตลาดของตลาดเบียร์และสุราในประเทศไทย โดยครองส่วนแบ่งทางการตลาด 48% ของปริมาณการขายเบียร์ และครองส่วนแบ่งทางการตลาดสำหรับสุราถึง 74% บริษัทไทยเบฟเวอเรจยังเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มเบียร์และสุรารายใหญ่ที่สุดของไทยและเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรายใหญ่ในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัทเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ถือหุ้นในบริษัทต่างๆ ในกลุ่มจำนวนมากกว่า 80 แห่ง โดยบริษัทในกลุ่มเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลากหลายประเภททั้งเบียร์ สุราขาว สุราสี สุราสมุนไพรจีน และสาเก โดยตราสินค้าส่วนใหญ่ของบริษัทมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีและมีฐานะเป็นผู้นำตลาดภายในประเทศ เช่น แม่โขง แสงโสม และรวงข้าวสำหรับเครื่องดื่มสุรา และช้างสำหรับเบียร์ สินค้าส่วนใหญ่ของบริษัทเน้นกลุ่มเป้าหมายที่บริโภคสินค้าอีโคโนมี่ (สินค้าราคาประหยัด) ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดของตลาด
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ด้วยกำลังการผลิตเบียร์ 1,550 ล้านลิตรต่อปีและกำลังการผลิตสุรา 808 ล้านลิตรต่อปีภายในประเทศ ทำให้บริษัทไทยเบฟเวอเรจมีอำนาจต่อรองในการซื้อวัตถุดิบในระดับหนึ่ง และการมีโรงกลั่นถึง 17 แห่งกระจายอยู่ทั่วประเทศยังทำให้บริษัทมีข้อได้เปรียบในการกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภค อีกทั้งเครือข่ายการกระจายสินค้าที่กว้างขวางและพนักงานขายที่มีประสิทธิภาพก็ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่สถานะผู้นำของบริษัทด้วย ปัจจุบันบริษัทมีตัวแทนจำหน่าย 2,600 ราย มีพนักงานขายตรงกว่า 900 คน และมีคลังสินค้ามากกว่า 400 แห่งเพื่อรองรับการกระจายสินค้าไปยังจุดขายที่มีมากกว่า 400,000 แห่งทั่วประเทศ อัตราการทำกำไรที่สูงของบริษัทสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัท บริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินประมาณปีละ 15,000 ล้านบาทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ อัตราหนี้สินของบริษัทยังลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยลดลงจาก 59% ในปี 2548 เหลือ 29% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2550 เนื่องจากบริษัทได้ชำระคืนหนี้จำนวนมากหลังจากการเพิ่มทุนเมื่อเดือนมิถุนายน 2549 และทำให้อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมเพิ่มจาก 33% ในปี 2548 เป็น 50% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2550 (ยังไม่ได้ปรับให้เป็นอัตราส่วนเต็มปี)
ทริสเรทติ้งยังกล่าวด้วยว่า ตลาดเบียร์ในประเทศไทยยังมีช่องทางในการเติบโตอีกเนื่องจากปริมาณการบริโภคเบียร์ยังถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับประเทศที่มีการบริโภคสูงสุด 20 อันดับแรกของโลก ตลาดเบียร์ในประเทศไทยมีผู้ผลิตรายใหญ่จำนวนไม่กี่รายและมีการแข่งขันที่รุนแรง โดยมีการใช้งบประมาณในการโฆษณาจำนวนมาก รวมทั้งมีการส่งเสริมการขายและการใช้กลยุทธ์ตัดราคาอย่างกว้างขวางเพื่อกระตุ้นยอดขาย ข้อบังคับทางกฎหมายจะเป็นปัจจัยหลักที่กระทบต่อความต้องการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยนโยบายของภาครัฐยังคงส่งผลกระทบในด้านลบต่อการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสังคมไทย ทั้งนี้ มาตรการต่างๆ ที่ถูกกำหนดเพื่อลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ได้แก่ การเพิ่มภาษีสรรพสามิต การจำกัดการโฆษณา และการควบคุมการจำหน่ายสินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์คาดว่าจะส่งผลให้ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในประเทศเติบโตในอัตราที่ลดลง
บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) (ThaiBev)
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ระดับ AA-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TBEV082A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2551 คงเดิมที่ระดับ AA-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable