กรุงเทพฯ--21 ส.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บล. โกลเบล็ก มองตลาดหุ้นไทยมีโอกาสรีบาวด์ จากประเด็นความคาดหวังผลบวกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วน หนุนเงินหมุนเวียนเพิ่มขึ้นในระบบ ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี 1615 – 1640 จุด จัดพอร์ตหุ้นได้ประโยชน์จากมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจ ชู ERW, CENTEL, AOT, BJC, CPALL, TNP ส่วนกลยุทธ์ลงทุนมีแนวโน้มปรับตัวได้ต่อ โดยให้กรอบราคาทองคำที่ 1,495-1,535 ดอลลาร์ หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยที่ 21,830-22,470 บาท
ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยมีโอกาส รีบาวด์ในกรอบจำกัด โดยนักลงทุนคลายความวิตกกังวลประเด็นเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี และ 30 ปีปรับตัวขึ้น ขณะที่ปัจจัยในประเทศมีแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐวงเงิน 3.16 แสนล้านบาท คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1615 – 1640 จุด
โดยปัจจัยที่ยังคงกดดันความเชื่อมั่นด้านการลงทุน ได้แก่ การปรับคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกในปีนี้ของกลุ่มโอเปก ลดลง 40,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ 1.1 ล้านบาร์เรลเมื่อเทียบรายปีเนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัว รวมทั้งความเชื่อมั่นบริโภคสหรัฐในเดือนส.ค.ร่วงลงต่ำกว่ากว่าคาดเนื่องจากวิตกสงครามการค้า และล่าสุดทางสภาพัฒน์ ปรับลดคาดการณ์ GDP ปีนี้เหลือโต 2.7-3.2% จากเดิม 3.3-3.8% หลังจากครึ่งปีแรกของปี 62 GDP ขยายตัวเพียง 2.6% ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงการคลังเชื่อว่า GDP ปีนี้ยังขยายตัวได้ 3% รับแรงหนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
รวมทั้งยังคงต้องจับตาการรายงานตัวเลขยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐเดือนก.ค. ในวันที่ 21 ส.ค. นี้ พร้อมกับตัเลข สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ซึ่งจะทราบผลในช่วงเช้าวันที่ 22 ส.ค. ขณะเดียวกันในวันดังกล่าว (22 ส.ค.) ทาง อียู จะมีการเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นเดือนส.ค. สหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ดัชนี PMI ภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นเดือนส.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ค. ส่วนวันที่ 22-24 ส.ค. กำหนดการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล ภายใต้หัวข้อ "ความท้าทายสำหรับนโยบายการเงิน (Challenges for Monetary Policy)" นายพาวเวลจะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในวันศุกร์นี้ (23 ส.ค.) และในที่ 23 ส.ค. สหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค.
นางสาว วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวเพิ่มว่า สำหรับปัจจัยบวกใหม่ๆในประเทศขณะนี้รอเม็ดเงินการลงทุน ตามมติ ครม.เศรษฐกิจในการเห็นชอบกรอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วนแก้ปัญหาภัยแล้ง กระตุ้นการลงทุนและการบริโภค รวมทั้งช่วยผู้ประกอบการ SME และช่วยค่าครองชีพผู้มีรายได้น้อย โดยครม.เศรษฐกิจ แถลงตั้งเป้าดัน GDP ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 3% จากช่วง 2.7-3.2% ปี 2563 โต 3.5% ก็ตาม
ดังนั้นแนะนำแนะนำกลยุทธ์ การลงทุนในหุ้น ที่น่าลงทุน ดังนี้ 1 หุ้น Defensive Stock เช่น EASTW, TTW, BCH, CPALL, BJC 2.หุ้น High Dividend เช่น SIRI, QH, TISCO, KKP, ANAN 3. หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการผ่อนปรนเกณฑ์ LTV ได้แก่ AP, QH, LH, SPALI และ 4.หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ได้แก่ ERW, CENTEL, AOT, BJC, CPALL, TNP
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังว่าจะมีเปิดเผยการกระตุ้นเศรษฐกิจจากประธานเฟดในการประชุมแจ๊คสันโฮลสุดสัปดาห์นี้(คาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย. นี้ลง 0.25%) คาดกรอบราคาทองคำสัปดาห์นี้ที่ 1,495-1,535 ดอลลาร์ หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยที่ 21,830-22,470 บาท