ธนาคารกรุงเทพ ชี้ผลสำรวจกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ เชื่อมั่นแนวโน้มสดใส พร้อมขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 18, 2008 14:29 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 ก.พ.--ธ.กรุงเทพ
ธนาคารกรุงเทพ เผยผลสำรวจความคิดเห็นของลูกค้าผู้ประกอบธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์จำนวน 300 ท่าน ที่เข้าร่วมงานสัมมนา ‘World Class Auto Parts’ Serious 3 ที่ผ่านมาของทางธนาคาร พบส่วนใหญ่มองแนวโน้มอุตสาหกรรมนี้ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมเปิดรับและปรับตัวกับปัจจัยภายนอกที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ ส่งผลต่อถึงความต้องการในการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อขยายกำลังการผลิตให้สอดคล้องกับแนวโน้มการเติบโตในอนาคต ชื่นชมกิจกรรมของธนาคารที่เสริมความแข็งแกร่งให้ภาคอุตสาหกรรม และสินเชื่อที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยเฉพาะ
นายปิยะ ซอโสตถิกุล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้อำนวยการลูกค้าธุรกิจรายกลางต่างจังหวัด ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ธนาคารประสบความสำเร็จจากการจัดสัมมงาน ‘World Class Auto Parts’ เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยมีลูกค้าผู้ประกอบการอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์เข้าร่วมงานกว่า 600 คน ในจำนวนนี้มีผู้ประกอบการที่เข้าร่วมสัมมนาตอบแบบสอบถามสำรวจความคิดเห็นจำนวน 300 คน พบว่ากว่า 90% คาดการณ์ว่ารายได้ในปี 2551 จากการดำเนินกิจการในอุตสาหกรรมนี้มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย และจำนวนกว่าครึ่งมีความมั่นใจว่าจำนวนการประกอบยานยนต์ทุกประเภทจะเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งองค์ประกอบทั้ง 2 จะเป็นปัจจัยหลักที่จะเอื้ออำนวยต่ออุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ในปี 2551 นี้
ในจำนวนนี้ ผู้ประกอบการสูงถึง 78% ได้มีการวางแผนขยายธุรกิจและการลงทุนเพิ่มเติมในช่วง 1-2 ปีข้างหน้านี้ ทั้งนี้จากการวิเคราะห์แบบสอบถามทั้งหมดพบว่าปัจจัยความสำเร็จของอุตสาหกรรมยานยนต์นั้น ผู้ประกอบการมีส่วนสำคัญในการเปิดรับปัจจัยภายนอกรอบด้านที่มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ อีกทั้งเป็นกลุ่มที่พร้อมปรับตัวรับความท้าทายใหม่ ๆ เพื่อแสวงหาจุดยืนที่แข็งแกร่งในตลาดที่สามารถแสดงศักยภาพความโดดเด่นของอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยในวงการธุรกิจนานาชาติ นับเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมอื่น ๆ ในประเทศไทย ดังนั้นอุตสาหกรรมนี้จึงนับว่ามีบทบาทสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง สำหรับปัจจุบันตัวเลขผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศไทยมีประมาณ 1,600 ราย ซึ่งแต่ละรายมีบุคลากรตั้งแต่ 100 ถึง 500 คน ทำให้เกิดการหมุนเวียนใช้จ่ายเงินของบุคลากรในภาคอุตสาหกรรมนี้เป็นเม็ดเงินจำนวนมหาศาล จึงไม่น่าสงสัยว่าเหตุใดอุตสาหกรรมนี้จึงมีความสำคัญต่อการสร้างความมั่นคงทางเสถียรภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย
นายปิยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ลูกค้าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีความพึงพอใจและชื่นชมการดำเนินกิจกรรมตลอดจนบริการด้านสินเชื่อเฉพาะที่ธนาคารสร้างสรรค์ขึ้น โดยเฉพาะเชื่อเพื่อธุรกิจเอสเอ็มอีภายใต้โครงการ ‘บัวหลวง SMEs — สินเชื่อเครื่องจักรเพื่อธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์’ เพื่อสนับสนุนผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในการซื้อเครื่องจักรใหม่สำหรับใช้ในการขยายและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รวมถึงการเพิ่มสายผลิตภัณฑ์ รวมถึงการดำเนินโครงการ World Class Seminar ทั้ง 3 ครั้งที่ผ่านมา นอกจากจะเป็นเครื่องมือสร้างความสัมพันธ์และสร้างความรู้ให้กับกลุ่มลูกค้าทั้งที่เป็นลูกค้าในปัจจุบัน และกำลังจะเป็นลูกค้าในอนาคต ยังสามารถสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างผู้ผลิตในอุตสาหกรรมเดียวกันให้มีความเข้มแข็ง และความร่วมมือระหว่างกันได้ด้วยความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้
ด้วยภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ จากตัวเลขรายได้การส่งออกในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2550 ที่มีอัตราการขยายตัวถึง 27.21% หรือเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนเงินประมาณ 4,060 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 133,980 ล้านบาท ในขณะที่การส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์และอุปกรณ์ขยายตัว 0.63% หรือเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนเงินประมาณ 3,260 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 107,580 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐประมาณ 33 บาท) ซึ่งการขยายตัวของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการส่งออก นอกจากนี้การส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ในปีที่ผ่านมายังมีปริมาณสูงกว่ายอดจำหน่ายยานยนต์ในประเทศในช่วงเดียวกันเป็นครั้งแรก โดยคิดเป็น 690,100 หน่วย หรือประมาณ 55% ของกำลังการผลิตทั้งหมด ซึ่งทำให้ประเทศไทยอยู่ในฐานะผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่เป็นอันดับ 5 ในเอเชีย รองจากประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลีและอินเดีย และเป็นผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่เป็นอันดับ 3 ในเอเชีย รองจากญี่ปุ่นและเกาหลี

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ