กรุงเทพฯ--22 ส.ค.--เอกชัยการแพทย์
โบรกฯ พร้อมใจ เชียร์ "ซื้อ" หุ้น EKH ฉายภาพครึ่งปีหลังธุรกิจเติบโตไม่ยั้ง รับไฮซีซั่น แถมเตรียมเปิดศูนย์การแพทย์เฉพาะทางต่อเนื่อง ทั้งศูนย์กุมารเวชแห่งใหม่ ศูนย์ ตา หู คอ จมูก และ ศูนย์ทันตกรรมหนุนคนไข้ใช้บริการเพิ่ม อีกทั้งยังได้ศูนย์ IVF ช่วยหนุนเต็มสูบ ชี้เป้าราคา 8.40-8.50 บาท/หุ้น
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เผยแพร่บทวิเคราะห์ ระบุว่า จากการที่บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) (EKH) รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/2562 เท่ากับ 38 ล้านบาท (ลดลง 14% เทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา แต่เพิ่มขึ้น 72% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน) สูงกว่าประมาณการของฝ่ายวิจัยและตลาดที่คาดการณ์ไว้ 27% เนื่องจากรายได้ที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยได้รับผลบวกจาก 1.การเติบโตของกลุ่มคนไข้เงินสด จากโรคระบาดที่เพิ่มขึ้นและฤดูฝนปีนี้ที่มาเร็ว 2.ผู้ที่มาใช้บริการศูนย์ผู้มีบุตรยาก (IVF) เพิ่มขึ้น
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลังประเมินว่า จะยังเติบโตดีต่อเนื่อง เนื่องจากเข้าสู่ช่วง High season ในไตรมาสที่ 3 ขณะที่บริษัทฯยังมีแผนเปิดศูนย์การแพทย์เฉพาะทางต่อเนื่อง โดยเดือนส.ค.เตรียมเปิดศูนย์กุมารเวชแห่งใหม่ ขนาด 60 เตียง ซึ่งจะช่วยลดความแออัด จากที่ศูนย์กุมารเวชเดิมค่อนข้างหนาแน่น นอกจากนี้ยังได้ขยายศูนย์ความงาม เพื่อรองรับลูกค้าโดยได้เปิดให้บริการในเดือน ก.ค. อีกทั้งเตรียมขยายศูนย์เฉพาะทางเพิ่มได้แก่ ศูนย์ ตา หู คอ จมูก ในเดือน ก.ย. และ ศูนย์ทันตกรรม ในเดือน พ.ย. ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้ป่วยเฉพาะทางได้มากขึ้น ด้วยกำไรครึ่งปีแรกคิดเป็น 55% ของประมาณการกำไรปี 2562 ที่ 152 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน) ซึ่งเบื้องต้นทางฝ่ายวิจัยประเมินว่ามี Upside Risk ต่อการปรับเพิ่มประมาณการขึ้นราว 10%
ฝ่ายวิจัยจึงแนะนำ "ซื้อ" โดยมองว่า ด้วยแนวโน้มผลประกอบการที่เติบโตของ EKH ที่เติบโตเด่นสุดในกลุ่มโรงพยาบาล ด้านสถานะทางการเงินของ EKH ค่อนข้างแข็งแกร่ง ไม่มีภาระหนี้สิน และระดับ ROE ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อนที่ 13.9% เป็น 17% เบื้องต้นฝ่ายวิจัยคงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2562 ที่ 8.50 บาท อิงวิธี DCF ด้วย WACC ที่ 8% และ Terminal Growth 3% แต่ยังมี Upside ในการปรับเพิ่มประมาณการ
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า กำไรครึ่งปีแรกของ EKH อยู่ที่ 83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นสัดส่วนถึง 56% ของประมาณการทั้งปีของ ฝ่ายวิจัยที่ 148 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึง Upside ของประมาณการที่เกิดขึ้นอย่างมีนัยยะ
อย่างไรก็ตามเบื้องต้นทางฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการไว้เช่นเดิมและรับฟังข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้บริหารโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นศูนย์กุมารเวชที่เริ่มเปิดในช่วงไตรมาส 3/62 ซึ่งกำลังอยู่ในช่วง High Season ว่าจะสามารถช่วยเพิ่มจำนวนผู้ป่วยขึ้นได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งฝ่ายวิจัยยังคงให้ราคาเหมาะสมไว้ที่ 8.40 บาท (DCF WACC 11% Terminal Growth 3%) และยังคงแนะนำ ซื้อ โดยเลือกเป็น Top Pick ของกลุ่ม