กรุงเทพฯ--22 ส.ค.--IR PLUS
JMART กำไรโตสนั่น เปิดงบ Q2/62 มีกำไรสุทธิ 137 ล้านบาท โตเกือบ 208% งวดครึ่งปีแรก โกยกำไรสุทธิ 255 ล้านบาท พุ่งเกือบ 279% ย้ำยังโตต่อเนื่อง จากการเติบโตของบริษัทในกลุ่ม "อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา" แม่ทัพใหญ่ ประเมินครึ่งปีหลังโตสวย ธุรกิจโมบายเข้าสู่ไฮซีซั่นการขาย ธุรกิจสินเชื่อของ J FINTECH และ SINGER รุกขยายพอร์ต มีแนวโน้มกำไรขาขึ้น ธุรกิจอสังหาฯ ของ J เตรียมรับรู้รายได้จากการโอนคอนโดในไตรมาส 4 และไฮไลท์อยู่ที่ธุรกิจบริหารหนี้ของ JMT ท็อปฟอร์ม ล่าสุดโชว์กำไรสุทธิงวด Q2/62 อยู่ที่ 148.5 ล้านบาท โต 24% ทำสถิติกำไรรายไตรมาสสูงสุดเป็นไตรมาสที่ 6 พร้อมแจ้งข่าวดีตัดต้นทุนกองหนี้ด้อยคุณภาพก้อนใหญ่หมด หนุนครึ่งปีหลังโตกระโดด ด้านบอร์ดฯ
ไฟเขียวเคาะจ่ายปันผลระหว่างกาล JMART และ JMT ตอบแทนผู้ถือหุ้น ตอกย้ำแผนปีนี้เจมาร์ทเทิร์นอะราวด์
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) (JMART) ประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2562 เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ผลการดำเนินการของบริษัทฯ และบริษัทย่อย จากงบการเงินรวมมีกำไรสุทธิ 137 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 207.7% และเพิ่มขึ้นจากงวดไตรมาส 1/2562 ที่ 16.1% สำหรับผลการดำเนินการงวด 6 เดือนปี 2562 มีกำไรสุทธิ 255.3 ล้านบาท โต 278.9% จากงวด 6 เดือนปี 2561 ขาดทุนจากการตั้งสำรอง สะท้อนภาพรวมกลุ่มเจมาร์ทฟื้นตัว ตามเป้าหมายเทิร์นอะราวด์ในปีนี้
ความสำเร็จในครั้งนี้ มีธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ ภายใต้การบริหารของบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) เป็นดาวเด่นภายในกลุ่มในด้านการสนับสนุนกำไร ประกอบกับ ผลการดำเนินงานของบริษัทในเครือ อาทิ ธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ของ เจ ฟินเทค (J FINTECH) ธุรกิจจัดจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของ เจมาร์ท โมบาย (JAYMART MOBILE) และการเติบโตของ ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) สามารถสร้างผลกำไรได้ต่อเนื่องจากไตรมาสแรก แม้ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท (J) รับยังขาดทุน เนื่องจากเป็นช่วงการปรับกลยุทธ์ให้เข้าสู่สภาวะปกติ
ทั้งนี้ ผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2562 รายได้จากการขายและบริการรวมอยู่ที่ 2,656.3 ล้านบาท ลดลง 15.7% งวด 6 เดือนแรก รายได้จากการขายและบริการรวมอยู่ที่ 5,399.2 ล้านบาท ลดลง 14.3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้จากการขายในธุรกิจจัดจำหน่ายมือถือ และรายได้ค่าเช่าและบริการในธุรกิจพื้นที่ให้เช่าที่ลดลง
สำหรับทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง คาดจะเติบโตต่อเนื่องตามแผน Synergy ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ จึงอนุมัตินำเสนอจ่ายปันผลระหว่างกาลเป็นหุ้นปันผลต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นเดิม 4.26 ต่อ 1 หุ้นปันผล และจ่ายปันผลเป็นเงินสด 0.0260824 บาทต่อหุ้น กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD 25 กันยายน 2562 และกำหนดจ่าย 10 ตุลาคม 2562
นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) (JMT) เปิดเผยถึง ผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2562 งบการเงินรวมมีกำไรสุทธิ 148.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 23.9% คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 25.3% โดยผลกำไรสุทธิดังกล่าว ทำสถิติกำไรรายไตรมาสที่สูงสุดเป็นไตรมาสที่ 6 อย่างต่อเนื่อง นับจากปี 2561 สำหรับผลการดำเนินการ
ในงวด 6 เดือนแรก มีกำไรสุทธิ 293 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 24.2% และคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 25.9% กำไรที่เติบโตขึ้น สะท้อนการบริหารจัดการที่ดี บริษัทฯ มียอดจัดเก็บเติบโตขึ้นในไตรมาส 2/2562 และงวด 6 เดือนแรก ปี 2562 เพิ่มขึ้น 28.8% และ 33.1% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และใกล้เคียงไตรมาส 1/2562 ซึ่งเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ รายได้รวมในไตรมาส 2/2562 อยู่ที่ 586.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 30.5% และผลการดำเนินการในงวด 6 เดือนแรกปีนี้มีรายได้รวม 1,132.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.4% เมื่อเทียบกับงวด 6 เดือนแรกของปีก่อน เนื่องจากการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ
ทั้งนี้ในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ ได้ซื้อหนี้เข้ามาบริหารจำนวน 1,235 ล้านบาท และมีมูลค่าพอร์ตหนี้ ด้อยคุณภาพรวม ณ สิ้นไตรมาส 2/2562 อยู่ที่ 148,091 ล้านบาท ตอกย้ำการเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพในประเทศไทยแบบที่ไม่มีหลักประกัน อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังมองว่า JMT จะสามารถทำผลงานได้อย่างโดดเด่น เนื่องจาก ในไตรมาส 3 และ ไตรมาส 4 ปีนี้ บริษัทฯ จะมีกองหนี้ด้อยคุณภาพก้อนใหญ่ที่ตัดต้นทุนครบ เข้ามาสนับสนุนทิศทางรายได้ในช่วงครึ่งปีหลังให้เติบโตก้าวกระโดด ตั้งเป้าทั้งปีทำนิวไฮต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เติบโต 50% ทั้งรายได้และกำไร
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาล จากผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกเป็นเงินสด 0.25 บาทต่อหุ้น กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 27 สิงหาคม 2562 และกำหนดจ่าย 9 กันยายน 2562
นายนราธิป วิรุฬห์ชาตะพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท โมบาย จำกัด หรือ JAYMART MOBILE ซึ่งเป็นบริษัทแกน เปิดเผยถึง ภาพรวมธุรกิจจัดจำหน่ายมือถือและอุปกรณ์เสริมในช่วงครึ่งปีแรก แม้ยอดขายจะลดลง แต่รักษาการเติบโตของผลกำไรได้ต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 1/2562 และสามารถควบคุมระดับสินค้าคงคลังได้อย่างเหมาะสม แม้ภาพรวมธุรกิจมีการแข่งขันเพิ่มขึ้น และผลกระทบของสงครามการค้าทำให้ยอดขายชะลอตัวลงในบางแบรนด์ ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ดังกล่าวคลี่คลายลงแล้ว และการจับมือกับ AIS เป็นพันธมิตรรายสำคัญ ในการจัดทำโปรโมชั่นจำหน่ายสินค้าพร้อม SIM ได้ผลตอบรับค่อนข้างดี มีจำนวน SIM Subscriber ณ สิ้นเดือนมิถุนายน กว่า 17,000 SIM ต่อเดือน ตั้งเป้าปี 2562 คาดทำได้ใกล้เคียง 200,000 SIM
กลยุทธ์ในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มเติบโตกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากเข้าสู่ไฮซีซั่นธุรกิจ เจมาร์ทจัดเต็มโปรโมชั่นและแคมเปญฉลองครบรอบ 30 ปี เฟส 2 เอาใจลูกค้า รวมถึงเปิดตัวสินค้าใหม่ของแบรนด์ต่างๆ กระตุ้นความต้องการซื้อ ทั้งนี้ ปัจจุบัน เจมาร์ท โมบาย มีจำนวนสาขารวม 191 สาขา และจะโฟกัสการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมให้มีการเติบโตขึ้น ควบคู่การขยายช่องทางการขายใหม่ๆ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย อาทิ ขยายฐานลูกค้ากลุ่มไลฟ์สไตล์ การเพิ่มไลน์สินค้าใหม่ โฟกัสกลุ่ม Gadget เปิดตัวร้าน Jaymart ioT สาขาแรก เพื่อรับโอกาสในยุคเทคโนโลยี ioT และเข้าสู่ยุค 5G ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่มากที่เจมาร์ทสามารถรุกเพิ่มเติมได้
นายกิติพัฒน์ ชลวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ ฟินเทค จำกัด หรือ J Fintech บริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจทางด้านการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคล ภายใต้แบรนด์ "J Money" เปิดเผยถึง ผลประกอบการในไตรมาส 2/2562 สามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากการคัดกรองคุณภาพลูกค้าดีขึ้น มีการจัดเก็บที่มีประสิทธิภาพ ณ สิ้นไตรมาส 2/2562 มูลค่าของพอร์ตสินเชื่ออยู่ที่ 3,726 ล้านบาท มีอัตราการจัดเก็บหนี้ในชั้นปกติได้สูง อัตราเฉลี่ย 97.3% ใกล้เคียงไตรมาสแรก และเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา มีการจัดเก็บหนี้ที่ได้มีการตัดหนี้สูญกลับคืนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งบันทึกเป็นรายได้ที่ 20 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวม NPL Ratio อยู่ต่ำเพียง 4.4%
ปัจจุบัน เจ ฟินเทค มีลูกค้าราว 160,000 ราย มีการขยายพอร์ตสินเชื่อในรูปแบบทั้งออฟไลน์และออนไลน์ร่วมกับบริษัทในเครือ ตั้งเป้าสิ้นปีมีพอร์ตสินเชื่อ 4,200 ล้านบาท โดยเตรียมความพร้อมรุกการปล่อยสินเชื่อแบบดิจิตัล ร่วมกับบริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด
นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J เปิดเผยถึง ภาพรวมธุกิจในช่วงครึ่งปีหลัง มองว่าภาพรวมทั้งปีบริษัทจะสามารถทำกำไรได้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์คอนโดมิเนียมภายใต้ชื่อ Newera ปัจจุบันมียอดจองแล้วกว่า 70% ของจำนวนห้องทั้งหมด และเตรียมโอนคอนโดมิเนียมให้กับลูกค้าบางส่วนประมาณร้อยละ 50 ที่จอง ในช่วงไตรมาส 4/2562 นี้ และจะโอนต่อเนื่องในปี 2563 ประกอบกับ แผนการก่อสร้างศูนย์การค้าแห่งใหม่ ภายใต้ชื่อ "The Jas Amata Nakorn" จังหวัดชลบุรี ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง คาดแล้วเสร็จไตรมาส 1/2563 ตามแผน
นายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ JVC ผู้พัฒนาซอฟท์แวร์ และแอปพลิเคชันทางด้านฟินเทค (Fintech) และลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพ (Startup) เปิดเผยว่า แผนพัฒนาระบบสินเชื่อแบบดิจิทัลที่ไม่มีตัวกลาง หรือ JFIN DDLP แล้วเสร็จ และเริ่มใช้งานแล้วเมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา บนแพลตฟอร์ม "ป๋า มาร์เก็ตเพลส" ที่บริษัทฯ เป็นผู้พัฒนา เพื่อรองรับการกู้ในรูปแบบฟินเทค โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาสนับสนุน พร้อมจับมือบริษัท เจ ฟินเทค ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ เปิดตัวสินเชื่อรูปแบบใหม่ B2P (Business to Person) ในชื่อ "J Loan Lite" เริ่มเก็บเกี่ยวผลงาน และจะเริ่มรับรู้รายได้ตามกำหนดในปีนี้เข้ามาเป็นอีกแรงสนับสนุนบริษัทในเครือให้แข็งแกร่งในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทยังมีโครงการอยู่ระหว่างการพัฒนาอีกมาก เพื่อตอบโจทย์ Digitalized ธุรกิจในกลุ่มเจมาร์ท ทั้งในด้านการปล่อยสินเชื่อ การตามหนี้ด้อยคุณภาพ และการขายสินค้าออนไลน์ ซึ่งเตรียมจะเปิดตัวในอนาคตอันใกล้นี้
นายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER เปิดเผยถึง ผลประกอบการของบริษัทฯ งวดประจำไตรมาส 2/2562 มีกำไรสุทธิ 52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.8% รายได้รวมอยู่ที่ 681ล้านบาท ลดลง 10.4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการลดลงของรายได้จากการขาย รายได้จากการให้บริการปรับลดลง แต่ดอกเบี้ยรับจากสัญญาเช่าซื้อและเงินให้กู้ยืมเติบโตขึ้น ขณะที่ อัตรากำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2/2562 และไตรมาส 2/2561 อยู่ที่ 50.6% และ 41.5% ตามลำดับ จากการมุ่งเน้นสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง ควบคู่กับการคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังจะเห็นได้จากรายได้จากการขายลดลง 19.6% ขณะที่ต้นทุนขายสามารถลดลงได้ถึง 32.1% นอกจากนี้ ในงวดไตรมาส 2/2562 กลุ่มบริษัทฯ ได้บันทึกค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงาน 14.7 ล้านบาท เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงพรบ.คุ้มครองแรงงาน แต่โดยภาพรวมค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ ยังคงลดลง
ด้านผลประกอบการของบริษัทฯ งวดครึ่งปีแรก ปี 2562 มีรายได้รวม 1,284 ล้านบาท ลดลง 4.2% และ
มีกำไรสุทธิ 93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 165.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุน 142 ล้านบาท และ
มีสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อในส่วนของธุรกิจเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า ประมาณ 49% และสินเชื่อสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ (รถทำเงิน) และ สินเชื่อเพื่อธุรกิจรายย่อย รวมกันแล้ว อยู่ที่ 51%
ในช่วงครึ่งปีแรก พอร์ตสินเชื่อรถทำเงินยังขยายพอร์ตได้ไม่เต็มที่ เนื่องจากเพิ่งแล้วเสร็จจากแผนเพิ่มทุน
แต่ในช่วงครึ่งปีหลังตั้งแต่ไตรมาส 3/2562 เป็นต้นไป SINGER จะรุกธุรกิจสินเชื่อรถทำเงินได้อย่างเต็มกำลัง
จากงวดครึ่งปีแรกมีพอร์ตสินเชื่อรถทำเงินกว่า 1,200 ล้านบาท และมั่นใจสิ้นปี พอร์ตสินเชื่อรถทำเงินจะอยู่ที่ราว 2,000 ล้านบาทตามเป้าหมายที่วางไว้ สนับสนุนผลงานสิ้นปีนี้ผ่านฉลุย โดยมีธุรกิจสินเชื่อรถทำเงินเป็นดาวเด่น ควบคู่กับการขยายอาณาจักร SINGER ให้ครอบคลุมทั่วประเทศยิ่งขึ้น