ไทยออยล์ประกาศผลการดำเนินงานปี 2550 มีกำไรสุทธิ 19,176 ล้านบาท

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 18, 2008 18:25 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 ก.พ.--ไทยออยล์
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) แถลงผลการดำเนินงานปี 2550 โดยรายงานกำไรสุทธิที่ 19,176 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้น 9.40 บาท เนื่องจากโครงการขยายกำลังการผลิตหน่วยกลั่นน้ำมันดิบ CDU-3 แล้วเสร็จเร็วกว่าแผน ทำให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นเป็น 275,000 บาร์เรล/วัน ได้ตั้งแต่ 16 ธันวาคม 2550 และ ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้กำไรขั้นต้นรวมจากการผลิต (Integrated Margin) ในปี 2550 ปรับสูงขึ้นมาอยู่ที่ 10.53 เหรียญสหรัฐฯ /บาร์เรล
นายวิโรจน์ มาวิจักขณ์ กรรมการอำนวยการ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ ผลการดำเนินงานที่อยู่ในเกณฑ์ดีดังกล่าว ส่วนหนึ่งมาจากการก่อสร้างโครงการขยายกำลังการผลิตหน่วย CDU-3 ที่แล้วเสร็จเร็วกว่าแผน ทำให้โรงกลั่นไทยออยล์มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจาก 225,000 บาร์เรล/วัน เป็น 275,000 บาร์เรล/วัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 ตั้งแต่ 16 ธ้นวาคม 2550 ประกอบกับราคาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ค่าการกลั่นยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง นอกจากนั้นในปี 2550 บริษัทฯ มีกำไรจากสต๊อกน้ำมันอยู่ราว 3 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล แม้ว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์พาราไซลีนและส่วนต่างน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานจะถูกกดดันจากราคาวัตถุดิบที่เพิ่มตามราคาน้ำมันก็ตาม บริษัทฯ และบริษัทในเครือก็ยังสามารถรับรู้กำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่ม (Integrated Margin) ที่ 10.53 เหรียญสหรัฐฯ /บาร์เรล สำหรับการดำเนินงานปี 2550 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนราว 38% ทำให้บริษัทฯ และบริษัทในเครือรายงานกำไรสุทธิที่ 19,176 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1,517 ล้านบาท ”
นายวิโรจน์ กล่าวต่อไปว่า “ ในช่วงไตรมาส 3/2550 บริษัทฯ ได้ผลิตน้ำมันเตากึ่งสำเร็จรูป (Long Residue) สำรองไว้ประมาณ 800,000 บาร์เรล เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการกลั่นเป็นน้ำมันดีเซลในช่วงไตรมาส 4/2550 ทำให้บริษัทฯ สามารถผลิตและขายน้ำมันสำเร็จรูปให้แก่ลูกค้าในประเทศได้ตามแผน และส่งผลให้ค่าการกลั่นในไตรมาส 4/2550 เพิ่มสูงขึ้นจากการกลั่นน้ำมันเตาให้เป็นน้ำมันใส โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว นอกจากนั้น การที่บริษัทฯ เปลี่ยนนโยบายการบันทึกบัญชีสินทรัพย์ถาวรจากวิธีตีราคาเป็นวิธีราคาทุนในไตรมาส 4/2550 ทำให้ค่าเสื่อมราคาปี 2550 ลดลง กำไรสุทธิของปี 2550 จึงเพิ่มขึ้นประมาณ 1,400 ล้านบาท ”
สำหรับบริษัท ไทยพาราไซลีน จำกัด (TPX) ในปี 2550 มีรายได้จากการขาย 33,247 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 8,357 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 3,401 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 2,265 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากอุปสงค์ของ PX ชะลอลง หลังโรงงาน PTA และ Polyester ลดกำลังการผลิต เพราะขาดแคลนสาร MEG ซึ่งเป็นวัตถุดิบร่วมในการผลิต Polyester เนื่องจากโรงงานผลิต MEG ในตะวันออกกลางประสบปัญหาทางเทคนิคไม่สามารถผลิตได้เต็มที่ จึงส่งผลให้อุปสงค์ของ PX ลดลง นอกจากนี้ ต้นทุนวัตถุดิบของ PX ซึ่งอ้างอิงกับราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวขึ้นสูงมากในปี 2550 ทำให้ส่วนต่างระหว่างราคา PX กับราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงเหลือ 420 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน เปรียบเทียบกับระดับ 529 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตันในปี 2549
ส่วนบริษัท ไทยลู้บเบส จำกัด (มหาชน) (TLB) ในปี 2550 มีรายได้จากการขาย 21,582 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3,935 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจาก TLB ผลิต Waxy ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์พลอยได้ ขายให้แก่ไทยออยล์ เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบส่วนหนึ่งของหน่วย Hydrocracker ในช่วงที่ไทยออยล์หยุดเดินเครื่อง CDU-3 รวมทั้ง TLB มียอดขายน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามราคาวัตถุดิบที่อ้างอิงกับราคาน้ำมันเตาปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบปรับลดลงเหลือ 505 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ในปี 2550 เมื่อเทียบกับ 579 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ในปี 2549 ประกอบกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ TLB มีกำไรสุทธิ 1,130 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 1,282 ล้านบาท
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 บริษัทฯ และบริษัทในเครือมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 137,063 ล้านบาท มีหนี้สินรวมทั้งสิ้น 65,177 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 71,886 ล้านบาท อัตราส่วนหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ในปี 2550 อยู่ที่ 0.9 เท่า
บมจ. ไทยออยล์ เป็นผู้ประกอบธุรกิจการกลั่นและจำหน่ายน้ำมันปิโตรเลียมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ก่อตั้งขึ้นในปี 2504 เป็นโรงกลั่นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตั้งอยู่ที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ในปัจจุบันมีกำลังการผลิตน้ำมันปิโตรเลียม 275,000 บาร์เรล/วัน คิดเป็น 25% ของกำลังการผลิตทั้งหมดในประเทศ บริษัทในเครือของไทยออยล์ประกอบด้วย 1.บริษัท ไทยพาราไซลีน จำกัด (TPX) : บริษัทฯ ถือหุ้นทั้งหมด 2. บริษัท ไทยลู้บเบส จำกัด (มหาชน) (TLB) : บริษัทฯ ถือหุ้นทั้งหมด 3. บริษัท ไทยออยล์มารีน จำกัด (TM ) : บริษัทฯ ถือหุ้นทั้งหมด 4. บริษัท ไทยออยล์เพาเวอร์ จำกัด (TP) : บริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 55 5.บริษัท ผลิตไฟฟ้าอิสระ (ประเทศไทย) จำกัด (IPT) : บริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 24 และ TP ถือหุ้นร้อยละ 56 6. บริษัท พีทีที ไอซีที โซลูชั่น จำกัด (PTTICT) : บริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 20 และ 7.บริษัท แม่สอดพลังงานสะอาด จำกัด : บริษัทฯ ถือหุ้น ร้อยละ 30

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ